วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

ตอน เที่ยววิเวกกับหลวงปู่เสาร์

เที่ยววิเวกกับหลวงปู่เสาร์

            พระคุณเจ้าหลวงปู่เสาร์  กันตสีโล  พาหลวงปู่ชอบออกเที่ยววิเวกแถบลุ่มแม่น้ำโขงโดยมีพระเณรติดตามองค์ท่านไปเที่ยววิเวกในครั้งนั้นมีทั้งหมดสี่องค์  มีรายนามดังนี้  ๑. หลวงปู่ชอบ  ฐานสโม  ๒. หลวงปู่คำหล้า  ขันติธโร  ๔. พระอ้าย  ท่านเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี  ๕. สามเณรหล้า  เป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี

องค์ท่านหลวงปู่เสาร์พาลูกศิษย์เที่ยววิเวกในเขตมุกดาหารแล้ว  จากนั้นท่านพาลูกศิษย์นั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงทางฝั่งมุกดาหารไปเที่ยววิเวกทาง เมืองสะหวันนะเขต  หรือที่คนไทยรู้จักกันในนาม  แขวงสุวรรณเขต  ประเทศลาว  หลวงปู่เสาร์และคณะไปพักภาวนาตามป่าเขาในเขตสะหวันนะเขตหลายสถานที่  จากนั้นท่านตั้งใจจะพาลูกศิษย์ไปเที่ยววิเวกทาง  แขวงนครจำปาสัก  ซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับจังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน 

เนื่องจากแนวภูเขาและป่าไม้หนาทึบหลวงปู่เสาร์ท่านจึงพาลูกศิษย์เดินหลงทาง  ท่านพาคณะเดินหลงทางเข้าไปในเขตประเทศเวียดนาม  หลวงปู่ชอบท่านเล่าติดตลกว่า  ท่านอาจารย์เสาร์พาพวกเราเดินหลงทางเข้าไปถึงเมืองญวน  จนได้พากันไปอังเกิม( กินข้าว )ที่ชายแดนเมืองญวน  เจ้าหน้าที่ทหารเวียดนามเขาแจ้งให้ทางคณะของพวกท่านทราบว่า  พวกท่านกำลังเดินรุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศของพวกเขา  เจ้าหน้าที่ทหารขอให้คณะของพวกเราเดินทางกลับไปยังประเทศลาว 

ตอนนั้นเป็นเวลาสายมากแล้วท่านอาจารย์เสาร์และพระเณรทุกองค์ยังไม่ได้ฉันอาหาร  ท่านอาจารย์เสาร์จึงขอบิณฑบาตกับทางเจ้าหน้าที่ทหารเวียดนาม  ทหารเวียดนามจึงพากันนำเอาอาหารมาใส่บาตรให้คณะของท่านฉัน  วันนั้นคณะของพวกเราจึงพากันอังเกิม( ฉันข้าว )อยู่เมืองเว้  หลังจากฉันข้าวแล้วท่านอาจารย์เสาร์จึงพาพวกเราเดินทางกลับเข้าลาว ..

องค์ท่านหลวงปู่เสาร์พาหลวงปู่ชอบและคณะ  เดินทางจากสะหวันนะเขตเพื่อไปเที่ยววิเวกทางเมืองเวียงจันทน์  โดยอาศัยนั่งเรือไฟขนสินค้าสลับกับการเดินเท้า  หลวงปู่เสาร์ท่านอยากพาลูกศิษย์ไปพักภาวนาที่ภูเขาควายซึ่งเป็นเทือกเขาที่กว้างใหญ่  กินอาณาเขตตั้งแต่ตอนกลางของประเทศลาวลากยาวไปจนถึงพรมแดนประเทศจีน

ภูเขาควายสมัยนั้นเป็นสถานที่เหมาะแก่การภาวนามากที่สุดอีกแห่งที่หลวงปู่ชอบท่านเคยไปพักภาวนา  ที่ภูเขาควายอุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และแนวเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนไปมา  ภูเขาควายในสมัยนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่านานาพันธุ์  อาทิเช่น  เสือ  ช้าง  เก้งกวาง  เลียงผา  หมี  หมูป่า  วัวกระทิง  ควายป่า  และสัตว์เล็กสัตว์น้อยชนิดอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน 

ภูเขาควายนอกจากจะเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยป่าไม้และสัตว์ป่านานาพันธุ์แล้วนั้น  ภูเขาควายยังเป็นสถานที่ที่ลึกลับซับซ้อนของภพภูมิต่างๆทั้งภูมิเบื้องบนคือเทพเทวดา  และภูมิเบื้องล่างคือผีเปรตผีป่า  สิ่งเหล่านี้ที่ภูเขาควายในสมัยก่อนนั้นหลวงปู่ชอบท่านว่ามีหมดทุกอย่าง  แต่มีสิ่งลึกลับอย่างหนึ่งที่ขึ้นชื่อลือชามากที่สุดของภูเขาควายในสมัยนั้นคือกองกอย

หลวงปู่เสาร์จะพาหลวงปู่ชอบและหมู่คณะขึ้นไปภาวนาที่ภูเขาควาย  ชาวบ้านที่เขาอาศัยอยู่แถบเชิงภูเขาควายไม่อยากให้คณะของหลวงปู่เสาร์ขึ้นไปพักที่นั่น  ชาวบ้านเขาบอกหลวงปู่เสาร์ว่าที่บนภูเขาควายมีอันตรายรอบด้าน  ทั้งอันตรายจากสัตว์ใหญ่ไข้ป่า  และภัยมืดสิ่งลึกลับ  ที่สำคัญบนภูเขาควายมีกองกอยอาศัยอยู่  กลางคืนกองกอยมันจะออกมาหากินเกรงว่าคณะของท่าน(พระคุณเจ้า)จะได้รับอันตรายจากภัยมืดพวกนี้ 

แต่หลวงปู่เสาร์ท่านอยากจะพาลูกศิษย์ขึ้นไปพักภาวนาบนภูเขาควาย  โดยท่านไม่สนใจว่าจะมีผีสางคางเหลืองหรืออะไรมารบกวน  ท่านบอกกับชาวบ้านว่าอาตมาจะพาลูกศิษย์ขึ้นไปพักภาวนาที่บนเขา  อาตมาไม่มีเจตนาที่จะไปรบกวนผู้ที่เขาอาศัยอยู่ในที่แห่งนั้น  ท่านถามลูกศิษย์ว่าพวกท่านกลัวผีกลัวเสือไหม  ถ้าใครกลัวก็ไม่ต้องขึ้นไปกับเรา  ลูกศิษย์ทุกองค์ขอติดตามหลวงปู่เสาร์ขึ้นไปภาวนาที่ภูเขาควาย

หลวงปู่ชอบ  “ คืนแรกที่เราพักอยู่ภูเขาควาย  กลางคืนเราเดินจงกรมอยู่ได้ยินเสียงเหมือนสัตว์มันร้องทักกันเป็นทอดๆ  เสียงเล็กๆเหมือนกับเสียงของเด็กน้อย  ทีแรกก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนักเข้าใจว่าเป็นเสียงสัตว์มันร้องทักทายกัน  เราก็เดินจงกรมของเราต่อไปอีกราวชั่วโมงจากนั้นก็เข้ากลดไหว้พระสวดมนต์นั่งภาวนาต่อ  เรานั่งภาวนาได้ซักระยะรู้สึกเหมือนมีอะไรมายืนมองเราอยู่นอกกลด  ลืมตาขึ้นมาดูเห็นเป็นเงาตะคุ่มลักษณะคล้ายลิงหรือชะนีมายืนดูเราอยู่นอกกลด  พอขยับตัวพวกมันก็พากันตกใจวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าร้องเสียงกอยๆ  เราก็คิดว่า  นี่หรือที่เขาเรียกว่ากองกอย ”

“ พวกนี้มันวิ่งหนีหายเข้าไปในป่าคิดว่ามันคงไม่กล้ามาอีกล่ะ  ที่ไหนได้  คล้อยหลังไม่นานพวกมันก็พากันกลับมาอีก  เราจุดโคมขึ้นมาพอมันเห็นแสงไฟเท่านั้นแหละพากันแตกหนีไปยืนอยู่ห่างๆ  เราถึงรู้ว่าพวกนี้มันกลัวไฟ  ลักษณะพวกนี้จะตัวเล็กๆเหมือนกับลิงแต่ขนตามตัวมันจะยาวกว่าลิง  สีขนออกน้ำตาลเข้ม  มีนิ้วมือข้างละห้านิ้ว  มีเล็บแหลมยาวทุกนิ้ว  เขี้ยวมันยาวประมาณนิ้วชี้ของเรา ”

หลวงปู่ท่านมีนิสัยชอบพิสูจน์ทุกเรื่องที่ท่านสงสัย  ท่านจึงออกจากกลดเพื่อที่จะดูให้แน่ชัดว่าพวกนี้เป็นตัวอะไรกันแน่  ท่านว่าความรู้สึกตอนนั้นท่านไม่กลัวพวกนี้เลย  ท่านพูดกับพวกมันว่าหากจะมารับเอาส่วนบุญก็ให้ตั้งใจรับอย่าพากันส่งเสียงดัง  จากนั้นท่านแผ่เมตตาให้พวกนี้  ปรากฏว่าขณะท่านแผ่เมตตาให้พวกนี้นั้น  จิตของท่านเกิดตันตื้อขึ้นมาเฉยๆ  ถ้าจิตเป็นเช่นนี้ขณะที่แผ่เมตตาท่านว่าผู้นั้นไม่มีวาสนาที่จะสงเคราะห์กันได้  หรือไม่บุคคลนั้นก็เป็นผู้ที่มีบาปกรรมมากจนแสงสว่างของธรรมส่องเข้าไปไม่ถึงจิตใจ  พวกนี้เป็นประเภทภูมิอาภัพไม่มีใครสามารถโปรดได้

ท่านว่าพวกนี้มีลักษณะท่าทางเหมือนกับลิงมาก  แตกต่างกันตรงที่การเคลื่อนไหวไปมา  พวกลิงว่าเคลื่อนไหวไปมารวดเร็วแต่พวกนี้จะเร็วยิ่งกว่าลิงมาก  เวลาไปมาจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้ใครได้พบเห็น

ตอนที่หลวงปู่ชอบท่านยังเป็นเด็กอยู่นั้น  คนเฒ่าคนแก่เคยเล่าเรื่องกองกอยให้ท่านฟัง  เขาเล่าไปตามประสาของผู้ใหญ่เพื่อให้เด็กกลัว  คนที่เล่าเรื่องกองกอยให้ฟังนั้นเขาก็ไม่เคยเห็นตัวตนที่แท้จริงของกองกอยเลย  เป็นเพียงแต่เป็นคำบอกเล่าที่สืบทอดกันต่อๆมาเท่านั้น  แต่ท่านได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกมันแล้ว  กองกอยที่เขาเล่าลือสืบทอดกันมาได้มาปรากฏตัวให้ท่านได้เห็นอยู่ที่ภูเขาควายแห่งนี้

ท้ายของเรื่องนี้หลวงปู่ชอบท่านพูดถึง กองกอย ในเมืองไทยว่า  สมัยก่อนท่านเคยเห็นกองกอยที่ภูหลวง  ภูกระดึง  ภูเรือ  ที่เขาใหญ่จังหวัดนครราชสีมา  ที่ห้วยขาแข้งและที่ทุ่งใหญ่นเรศวร  ทุกๆที่ตามที่ท่านได้กล่าวมานี้  ทุกวันนี้ ( ๒๕๓๖ )  มันได้หายไปจนเกือบจะหมดแล้ว  เท่าที่ท่านรู้มาพวกนี้ยังมีเหลืออยู่ที่ห้วยขาแข้งและภูเขาควายประเทศลาวเท่านั้น..    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น