พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านเล่าเรื่องพระพุทธรูปสามพี่น้องวัดท่าแขก ตำบลเชียงคาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เมื่องานทอดกฐินวัดท่าแขก ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๖ ให้ฟังว่า
“ พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ สร้างโดยพรามณ์สามพี่น้องเมืองตักกะศิลานาดูน ต่อมาได้มีพ่อค้านำเอาพระสามองค์นี้มา ตอนนั้นเมืองตักกะศิลานาดูนเกิดโรคระบาดชนิดหนึ่งทำให้มีผู้คนเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก เป็นโรคระบาดที่ไม่เคยมีที่ไหนเป็นมาก่อน โรคนี้เกิดขึ้นที่เมืองตักกะศิลาเป็นครั้งแรกคนสมัยนั้นไม่รู้จะเรียกชื่อโรคนี้ว่าโรคอะไรจึงพากันตั้งชื่อโรคนี้ว่าโรคห่า พอโรคห่าระบาดไปตามหัวเมืองอื่นๆ คนเมืองอื่นที่เป็นโรคห่าเขาจะเรียกชื่อโรคห่าว่าอหิวาตักกะโรค คือโรคที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองตักกะศิลา ”
พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้หลวงปู่ท่านว่า มีพ่อค้าเมืองตักกะศิลาได้นำเอาพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ใส่เกวียนมาด้วย พวกพ่อค้าตั้งใจจะพากันไปค้าขายทางเมืองล้านช้างหลวงพระบาง กองคาราวานเกวียนได้มาหยุดพักแรมก่อนจะที่ถึงเมืองเชียงคาน ตอนนั้นแถบลุ่มน้ำโขงเขตนี้เกิดโรคห่าระบาดอย่างรุนแรง พวกพ่อค้าและชาวบ้านพากันล้มตายลงเพราะโรคระบาด พวกที่รอดชีวิตได้เกิดความกลัวขึ้นมา จึงพากันทิ้งสิ่งของรวมทั้งพระพุทธรูปสามองค์นี้ไว้ที่ชายป่านอกเมืองเชียงคาน
ชาวบ้านที่พบเห็นพระพุทธสามองค์ถูกทิ้งไว้ที่ชายป่า เขาจึงพากันอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ใส่เกวียนเพื่อจะนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดในเมืองเชียงคาน แต่วัวเทียมเกวียนบรรทุกพระพุทธรูปไม่ยอมเดินไปตามทางที่เจ้าของต้องการให้ไป กลับลากเกวียนเดินมุ่งหน้าออกจากเมืองเชียงคานไปที่อื่น ถึงเจ้าของจะหยุดฉุดรั้งอย่างไรวัวมันก็ไม่ยอมหยุดเดิน ชาวบ้านจึงลงความเห็นเสี่ยงทายว่า ถ้าวัวลากเกวียนไปหยุดกินน้ำหรือหยุดพักที่ใด ถือว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้อยากจะอยู่เป็นมิ่งขวัญโพธิ์ชัยแก่บ้านเมืองนั้น วัวลากเกวียนที่บรรทุกพระพุทธรูปทั้งสามองค์จึงถูกปล่อยไปโดยที่ไม่มีผู้ใดขึ้นมาบังคับขับขี่
ชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันตีฆ้องร้องป่าวบอกกันไปทั่ว ผู้คนพากันแตกตื่นออกมาคอยต้อนรับเพื่อจะนิมนต์พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ให้อยู่ที่บ้านเมืองของตน วัวลากเกวียนผ่านวัดผ่านบ้านใดไป พระเณรเถรชีและชาวบ้านนั้นๆจะเอาน้ำเอาหญ้ามาล่อให้วัวหยุดกินน้ำกินหญ้า พากันจัดแจงเตรียมข้าวตอกดอกไม้และเครื่องหอมต่างๆ เพื่อนำมาอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ให้หยุดพักอยู่ที่วัดวาบ้านเมืองของพวกเขา
วัวลากเกวียนบรรทุกพระพุทธรูปผ่านสถานที่ต่างๆหลายที่ แต่ไม่ยอมหยุดกินน้ำกินหญ้าที่ไหนเลย วัวทั้งคู่ลากเกวียนลัดเลาะป่าเลียบมาตามขอบแม่น้ำโขงจนผ่านมาถึงวัดท่าแขก วัวจึงหยุดพักกินน้ำที่ซับน้ำผุด ( น้ำที่ผุดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ) บริเวณฝั่งโรงเรียนมูลมังหลวงปู่ชอบซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกันกับวัดท่าแขกในปัจจุบัน เมื่อวัวกินน้ำแล้วมันก็ไม่ยอมเดินไปที่ไหนอีกเลย
เจ้าของวัวลองตีวัวเพื่อจะให้มันเดินต่อไป ถึงเจ้าจะเฆี่ยนตีแรงแค่ไหนวัวทั้งคู่ก็ได้แต่ร้องเพราะเจ็บปวด แต่พวกมันก็ไม่ยอมเดินไปไหน คนทั้งหลายที่ได้ติดตามมาจึงลงความเห็นกันว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้อยากจะอยู่ที่วัดท่าแขก ชาวบ้านจึงพากันนิมนต์พระพุทธรูปทั้งสามองค์ลงมาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถวัดท่าแขกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
องค์ท่านหลวงปู่ชอบ “ พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้เป็นพระสามพี่น้อง พระทั้งสามองค์นี้จะอยู่ด้วยกันตลอดโดยไม่มีการแยกองค์ใดองค์หนึ่งให้พรากจากกัน พอถึงเวลาที่จะไปพวกเทพเจ้าเหล่านาคาเขาจะเป็นผู้มาอัญเชิญไปเอง พระพุทธรูปสามองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก มีเทวดาและพญานาคมากราบไหว้ทุกวัน มีทหารพญานาคมาอารักขาดูแลทุกวันมิได้ขาด ข้างขึ้นจะเป็นทหารพญานาคของ อิสโรนาคราช มาดูแล ข้างแรมจะเป็นทหารพญานาคของ กากะละนาคราช มาดูแล หากใครทำไม่ดีกับพระพุทธรูปสามองค์นี้จะเกิดวิบัติในปัจจุบัน ถ้าทำด้วยความเคารพนอบน้อมจะเป็นสิริมงคลกับบุคคลนั้น ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น