วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

ตอน พระพุทธรูปสามพี่น้อง



พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ  ฐานสโม  ท่านเล่าเรื่องพระพุทธรูปสามพี่น้องวัดท่าแขก  ตำบลเชียงคาน  อำเภอเชียงคาน  จังหวัดเลย  เมื่องานทอดกฐินวัดท่าแขก  ๑๔  พฤศจิกายน  ๒๕๓๖  ให้ฟังว่า

        “  พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้  สร้างโดยพรามณ์สามพี่น้องเมืองตักกะศิลานาดูน  ต่อมาได้มีพ่อค้านำเอาพระสามองค์นี้มา  ตอนนั้นเมืองตักกะศิลานาดูนเกิดโรคระบาดชนิดหนึ่งทำให้มีผู้คนเจ็บป่วยล้มตายเป็นจำนวนมาก  เป็นโรคระบาดที่ไม่เคยมีที่ไหนเป็นมาก่อน  โรคนี้เกิดขึ้นที่เมืองตักกะศิลาเป็นครั้งแรกคนสมัยนั้นไม่รู้จะเรียกชื่อโรคนี้ว่าโรคอะไรจึงพากันตั้งชื่อโรคนี้ว่าโรคห่า  พอโรคห่าระบาดไปตามหัวเมืองอื่นๆ  คนเมืองอื่นที่เป็นโรคห่าเขาจะเรียกชื่อโรคห่าว่าอหิวาตักกะโรค  คือโรคที่มีต้นกำเนิดมาจากเมืองตักกะศิลา  ”

พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้หลวงปู่ท่านว่า  มีพ่อค้าเมืองตักกะศิลาได้นำเอาพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ใส่เกวียนมาด้วย  พวกพ่อค้าตั้งใจจะพากันไปค้าขายทางเมืองล้านช้างหลวงพระบาง  กองคาราวานเกวียนได้มาหยุดพักแรมก่อนจะที่ถึงเมืองเชียงคาน  ตอนนั้นแถบลุ่มน้ำโขงเขตนี้เกิดโรคห่าระบาดอย่างรุนแรง  พวกพ่อค้าและชาวบ้านพากันล้มตายลงเพราะโรคระบาด  พวกที่รอดชีวิตได้เกิดความกลัวขึ้นมา  จึงพากันทิ้งสิ่งของรวมทั้งพระพุทธรูปสามองค์นี้ไว้ที่ชายป่านอกเมืองเชียงคาน

ชาวบ้านที่พบเห็นพระพุทธสามองค์ถูกทิ้งไว้ที่ชายป่า  เขาจึงพากันอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ใส่เกวียนเพื่อจะนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดในเมืองเชียงคาน  แต่วัวเทียมเกวียนบรรทุกพระพุทธรูปไม่ยอมเดินไปตามทางที่เจ้าของต้องการให้ไป  กลับลากเกวียนเดินมุ่งหน้าออกจากเมืองเชียงคานไปที่อื่น  ถึงเจ้าของจะหยุดฉุดรั้งอย่างไรวัวมันก็ไม่ยอมหยุดเดิน  ชาวบ้านจึงลงความเห็นเสี่ยงทายว่า  ถ้าวัวลากเกวียนไปหยุดกินน้ำหรือหยุดพักที่ใด  ถือว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้อยากจะอยู่เป็นมิ่งขวัญโพธิ์ชัยแก่บ้านเมืองนั้น  วัวลากเกวียนที่บรรทุกพระพุทธรูปทั้งสามองค์จึงถูกปล่อยไปโดยที่ไม่มีผู้ใดขึ้นมาบังคับขับขี่  

        ชาวบ้านชาวเมืองจึงพากันตีฆ้องร้องป่าวบอกกันไปทั่ว  ผู้คนพากันแตกตื่นออกมาคอยต้อนรับเพื่อจะนิมนต์พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้ให้อยู่ที่บ้านเมืองของตน  วัวลากเกวียนผ่านวัดผ่านบ้านใดไป  พระเณรเถรชีและชาวบ้านนั้นๆจะเอาน้ำเอาหญ้ามาล่อให้วัวหยุดกินน้ำกินหญ้า  พากันจัดแจงเตรียมข้าวตอกดอกไม้และเครื่องหอมต่างๆ  เพื่อนำมาอาราธนาพระพุทธรูปทั้งสามองค์ให้หยุดพักอยู่ที่วัดวาบ้านเมืองของพวกเขา 

        วัวลากเกวียนบรรทุกพระพุทธรูปผ่านสถานที่ต่างๆหลายที่  แต่ไม่ยอมหยุดกินน้ำกินหญ้าที่ไหนเลย  วัวทั้งคู่ลากเกวียนลัดเลาะป่าเลียบมาตามขอบแม่น้ำโขงจนผ่านมาถึงวัดท่าแขก  วัวจึงหยุดพักกินน้ำที่ซับน้ำผุด ( น้ำที่ผุดขึ้นเองโดยธรรมชาติ )  บริเวณฝั่งโรงเรียนมูลมังหลวงปู่ชอบซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกันกับวัดท่าแขกในปัจจุบัน  เมื่อวัวกินน้ำแล้วมันก็ไม่ยอมเดินไปที่ไหนอีกเลย  

        เจ้าของวัวลองตีวัวเพื่อจะให้มันเดินต่อไป  ถึงเจ้าจะเฆี่ยนตีแรงแค่ไหนวัวทั้งคู่ก็ได้แต่ร้องเพราะเจ็บปวด  แต่พวกมันก็ไม่ยอมเดินไปไหน  คนทั้งหลายที่ได้ติดตามมาจึงลงความเห็นกันว่าพระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้อยากจะอยู่ที่วัดท่าแขก  ชาวบ้านจึงพากันนิมนต์พระพุทธรูปทั้งสามองค์ลงมาประดิษฐานไว้ที่อุโบสถวัดท่าแขกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

   องค์ท่านหลวงปู่ชอบ  “  พระพุทธรูปทั้งสามองค์นี้เป็นพระสามพี่น้อง  พระทั้งสามองค์นี้จะอยู่ด้วยกันตลอดโดยไม่มีการแยกองค์ใดองค์หนึ่งให้พรากจากกัน  พอถึงเวลาที่จะไปพวกเทพเจ้าเหล่านาคาเขาจะเป็นผู้มาอัญเชิญไปเอง  พระพุทธรูปสามองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์มาก  มีเทวดาและพญานาคมากราบไหว้ทุกวัน  มีทหารพญานาคมาอารักขาดูแลทุกวันมิได้ขาด  ข้างขึ้นจะเป็นทหารพญานาคของ  อิสโรนาคราช  มาดูแล  ข้างแรมจะเป็นทหารพญานาคของ  กากะละนาคราช  มาดูแล  หากใครทำไม่ดีกับพระพุทธรูปสามองค์นี้จะเกิดวิบัติในปัจจุบัน  ถ้าทำด้วยความเคารพนอบน้อมจะเป็นสิริมงคลกับบุคคลนั้น  ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น