พบพระอาจารย์พา
ตอนหลวงปู่ท่านอายุประมาณ ๑๑ – ๑๒ ปี ท่านเกิดความคิดขึ้นมาว่า “ ชีวิตของคนเรานั้นวนเวียนและเวียนวนอยู่เพียงแค่นี้หรือ ทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเองไปวันๆ แต่งงานมีลูกมีเมียสืบสกุลครองเรือน เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไปวันๆ พอแก่ชราลงไปแล้วก็เจ็บป่วยล้มตาย เมื่อตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนอีก ” ความคิดเหล่านี้จะวนเวียนอยู่ในใจของท่านเสมอหาข้อยุติไม่ได้เลย จนถึงวันที่ท่านได้พบกับพระอาจารย์รูปหนึ่งชื่อ พระอาจารย์พา อริยะวังโส ความสงสัยที่มีอยู่ในใจของท่านในเรื่องเหล่านี้จึงเริ่มกระจ่างขึ้นมา
ผ้าขาวชอบ
หลังจากพระอาจารย์พาสอบถามความสมัครใจเรื่องบวชกับท่านแล้ว พระอาจารย์พาบอกให้ท่านกลับไปบอกเรื่องนี้กับโยมแม่ และขออนุญาตโยมแม่ที่จะออกบวชติดตามพระอาจารย์พา พอแม่ปาทราบเรื่องที่ท่านอยากจะบวช แม่ปาก็นึกแปลกใจที่จู่ๆลูกชายอยากจะบวชโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยส่งเสียงให้ทราบมาก่อน ตอนนั้นโยมแม่ของท่านยังไม่อยากจะให้ท่านบวชเพราะเห็นว่าท่านยังเด็กอายุแค่ ๑๔ ปีเท่านั้น แม่เกรงว่าถ้าบวชในตอนนี้กลัวว่าท่านจะไม่มีความอดทนดำรงตนอยู่ในพระศาสนาได้นาน
สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ
หลังจากงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับโยมตาผ่านไปแล้ว หลวงปู่ชอบท่านได้บวชเป็นผ้าขาวถือศีลแปดอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบานประมาณสองเดือน เมื่อพระอาจารย์พาท่านเห็นสมควรแล้วจึงอนุญาตให้ท่านบวชเป็นสามเณร โดยมีโยมแม่และโยมยายของท่านร่วมกันทอผ้าเพื่อนำมาตัดเย็บเป็นจีวรให้กับท่าน บริขารของท่านส่วนมากนั้นโยมแม่และโยมยายจะเป็นผู้จัดหาให้เกือบทั้งหมด มีเพียงบาตรและบริขารบางอย่างเท่านั้นที่พระอาจารย์พาเป็นผู้จัดให้
พระอาจารย์พาท่านพาตาผ้าขาวชอบเดินทางมาเมืองเลยเพื่อจะมาบรรพชาเป็นสามเณร เนื่องจากในสมัยนั้นอุดรธานีและเมืองเลยมีพระอุปัชฌาย์ฝ่ายธรรมยุติอยู่เพียงองค์เดียวคือ พระครูอดิสัยคุณาธาร ( คำ อรโก ) วัดศรีสะอาด ตำบลกุดป่อง อำเภอเมือง จังหวัดเลย ( วัดศรีสะอาดปัจจุบันคือโรงเรียนศรีสะอาด เทศบาล ๑ )
ในสมัยนั้นท่าน พระครูอดิสัยคุณาธาร ( คำ อรโก ) ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลสงฆ์ของภาคอีสานเหนือ มีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์เมืองเลย - อุดรธานี ฝ่ายธรรมยุติ
พระอาจารย์พาและผ้าขาวชอบเดินทางมาแวะพักที่ วัดบ้านนาแก ตำบลนากลาง อำเภอหนองบัวลำภู* จังหวัดอุดรธานี และบังเอิญได้มาพบท่านพระครูอดิสัยคุณาธารที่วัดบ้านนาแกแห่งนี้ เนื่องจากท่านพระครูอดิสัยคุณาธารท่านเดินทางมาจากเมืองเลยเพื่อมาตรวจราชการงานปกครองของคณะสงฆ์ในเขตอุดรธานี พระอาจารย์พาท่านจึงกราบนิมนต์ท่านพระครูอดิสัยคุณาธารเป็นพระอุปัชฌาย์บรรพชาสามเณรให้กับผ้าขาวชอบผู้เป็นหลาน
( ปัจจุบัน ตำบลนากลาง เป็น อำเภอนากลาง อำเภอหนองบัวลำภู เป็น จังหวัดหนองบัวลำภู )
นายชอบ แก้วสุวรรณ บรรพชาเป็นสามเณรที่ วัดบ้านนาแก ตำบลนากลาง อำเภอหนองบัวลำภู จังหวัดอุดรธานี บรรพชาเมื่อ วันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๔ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๓ โดยมีท่าน พระครูอดิสัยคุณาธาร ( คำ อรโก ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พา อริยะวังโส เป็นผู้ให้ศีล
หลังจาก สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ บรรพชาแล้ว พระอาจารย์พาและสามเณรชอบพักอยู่ที่วัดบ้านนาแกหนึ่งคืน จากนั้นพระอาจารย์พาได้พาสามเณรชอบกราบลาท่าน พระครูอดิสัยคุณาธาร ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ เพื่อเดินทางมาพักที่ วัดพิศาลอรัญญิกาวาส อยู่ในตัวเมืองหนองบัวลำภู พระอาจารย์พาและท่านพักอยู่ที่วัดแห่งนี้ประมาณสี่คืน
ระหว่างที่พระอาจารย์พากับสามเณรชอบพักอยู่ที่วัดพิศาลรัญญาวาส พระอาจารย์พาใช้ให้ท่านขุดดินเพื่อปลูกต้นไม้ พระอาจารย์พาบอกให้ท่านปลูกต้นตาลเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการบวชของท่าน เพราะต้นตาลเป็นต้นไม้ที่ปลูกยาก เป็นไม้ผลธรรมชาติที่ออกลูกยาก กว่าต้นตาลจะใหญ่โตจนถึงขั้นออกลูกให้ผลอย่างเร็วก็ประมาณสิบห้าปี มากสุดก็ยี่สิบปีขึ้นไป
( เมื่อเดือนมีนาคมปี ๒๕๓๕ หลวงปู่ชอบท่านเดินทางไปเยี่ยม หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด ขากลับหลวงปู่ท่านพาผู้เขียนแวะเข้าไปดูต้นตาลที่วัดพิศาลรัญญาวาสแห่งนี้ หลวงปู่ท่านบอกว่าต้นตาลที่เหลืออยู่นี้ไม่ใช่ต้นเริ่มแรกที่ท่านปลูก แต่เป็นต้นตาลที่เป็นลูกหลานของต้นแรกที่ท่านได้ปลูกเอาไว้
ถามพระที่อยู่ในวัดว่าต้นตาลพวกนี้มีอายุเท่าไรแล้ว ท่านตอบว่าไม่รู้ ท่านมาอยู่วัดแห่งนี้ก็เห็นต้นตาลมันโตของมันอย่างนี้แล้ว แต่ก่อนพระท่านว่าต้นตาลที่วัดจะมีมากกว่านี้ แต่ได้ตัดออกไปหลายต้นเนื่องจากก่อสร้างเสนาสนะ หลวงปู่ท่านบอกว่าต้นตาลเหล่านี้สืบเนื่องมาจากต้นตาลที่ท่านปลูกไว้เมื่อสมัยที่ท่านเป็นเณร พอพระท่านทราบว่าต้นตาลทั้งหมดนี้เป็นต้นตาลที่สืบเนื่องมาจากการปลูกของหลวงปู่ ท่านรับปากว่าจะอนุรักษ์ต้นตาลเหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานคนรุ่นหลังได้ดู..ผู้เขียน )
ออกจากวัดพิศาลรัญญาวาส พระอาจารย์พาได้พาสามเณรชอบเดินทางกลับมาบ้านหนองบัวบานอีกครั้ง เพื่อที่จะให้โยมแม่และญาติมิตรทั้งหลายได้เห็นชายผ้าเหลืองของท่าน สามเณรชอบท่านพักอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบานกับพระอาจารย์พาระยะหนึ่ง จากนั้นพระอาจารย์พาได้พาท่านเดินทางไปเที่ยววิเวกและจำพรรษาที่พระพุทธบาทบัวบก อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานีเป็นพรรษาแรกของ สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ ปี พ.ศ.๒๔๖๓
พรรษาที่สอง ปี ๒๔๖๔ พระอาจารย์พาได้พา สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ มาจำพรรษากับ หลวงปู่บุญ ปัญญาวุโธ ที่เสนาสนะป่าบ้านค้อ อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ( ปัจจุบันคือ วัดป่าสาละวารี ) เป็นครั้งแรกที่ท่านได้จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่บุญซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หลังจากออกพรรษาปลายปี ๒๔๖๔ พระอาจารย์พาท่านทราบข่าวว่าองค์ท่านหลวงปู่มั่นท่านมาพักภาวนาอยู่ทางเขตสกลนคร พระอาจารย์พาจึงชวนสามเณรชอบออกเดินทางมาหาหลวงปู่มั่นที่สกลนคร แต่พอถึงเขตอำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนครพระอาจารย์พาทราบว่าหลวงปู่มั่นท่านเดินทางมาเที่ยววิเวกทางอำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี พระอาจารย์พาจึงเปลี่ยนใจพาสามเณรชอบเดินทางไปที่อุบลราชธานี เพื่อจะนำสามเณรชอบไปฝากเรียนหนังสือที่ วัดสุทัศนาราม อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
หลังออกพรรษาเข้าปี ๒๔๖๖ หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล ท่านเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อมาดูแลโยมแม่ของท่านที่กำลังป่วย หลวงปู่มหาปิ่นท่านจึงมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศวนารามเพื่อสะดวกในการดูแลอุปัฏฐากโยมแม่ขององค์ท่าน สามเณรชอบจึงได้จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่มหาปิ่นที่วัดสุทัศวนาราม
หลังออกพรรษาปี ๒๔๖๖ โยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นได้ถึงแก่กรรมลง สามเณรชอบท่านได้ช่วยงานฌาปนกิจศพโยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นจนเสร็จ หลังงานฌาปนกิจศพโยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นผ่านไปได้ไม่นาน หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ท่านเดินทางมาร่วมงานของโยมแม่ท่าน แต่ท่านมาไม่ทันงาน หลวงปู่ชอบท่านได้พบและได้กราบองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ครั้งแรกที่วัดสุทัศวนาราม
ต่อมาพระอาจารย์พาท่านอยากจะเดินทางไปเรียนหนังสือที่วัดบูรพาราม ท่านเห็นว่าการที่ท่านจะไปเรียนหนังสือโดยมีหลานติดตามไปด้วยนั้นท่านจะเกิดพะวงห่วงหน้าห่วงหลังไม่สะดวกในเรื่องการเรียน และที่สำคัญสามเณรชอบท่านมีใจฝักใฝ่ทางด้านจิตภาวนามากกว่าการเรียนหนังสือ พระอาจารย์พาจึงฝากสามเณรชอบไว้กับองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ เพื่อให้หลวงปู่สิงห์ท่านเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติให้กับสามเณรชอบ
สามเณรชอบท่านได้ฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติต่างๆจากองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ สามเณรชอบท่านเป็นคนมีนิสัยพูดน้อยและขยันหมั่นเพียรในการทำข้อวัตรต่างๆ หลวงปู่สิงห์ท่านจึงเมตตาสามเณรชอบเป็นอย่างยิ่ง องค์ท่านได้มอบหมายให้สามเณรชอบเป็นผู้ดูแลบริขารของท่าน ผู้ดูแลบริขารก็คือผู้อุปัฏฐากนั่นเอง
หลวงปู่สิงห์ท่านเมตตาสอนสามเณรชอบเรื่องจิตภาวนา โดยองค์ท่านจะสอนเน้นหนักในทางด้านสมถะภาวนา เพราะสมถะภาวนานั้นเป็นรากฐานอันสำคัญของการภาวนา หากรากฐานของสมถะไม่แน่นหนาแล้ว การจะยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาภูมินั้นจะทำไม่ได้เลย จริตของหลวงปู่สิงห์ตามที่หลวงปู่ชอบท่านบอก ท่านจะออกไปในทางเรียบง่าย น ปัญญา ใหม่คำสอนที่ แต่สามเณรชอบนั้นท่านเป็นจริตแนวโลดโผน หลวงปู่ชอบท่านเล่าถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า
“ เราเป็นคนจริตโลดโผน จิตมักจะออกรู้ออกเห็นภายนอกอยู่เสมอ ถ้าเป็นคนก็ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนปัญญาจึงจะเกิดตามมาในภายหลัง ตอนหัดภาวนาใหม่ๆนั้นจิตมันจะส่งออกไปข้างนอกเสมอ ห้ามมันก็ไม่ได้ เพราะนิสัยของจิตตนเองมันเป็นแบบนี้ พอมันดูอะไรจนพอใจแล้วมันถึงจะย้อนกลับเข้ามาดูภายใน ”
“ เรื่องภาวนาเราไม่ค่อยมีความขัดข้องอะไรมากนัก ต่างแต่เราเป็นผู้ที่มีจริตโลดโผนเท่านั้น เรียนถามท่านอาจารย์สิงห์ถึงเรื่องนี้ ท่านก็บอกว่า เณรนี่เจ้าเป็นคนจิตโลดโผนเน๊าะ พวกโลดโผนแบบนี้ต้องไปอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มั่น ให้ท่านเอาไม้ตีหัวให้แตกมันถึงจะได้หายพยศลงไปบ้าง ”
หลวงปู่ชอบท่านบวชเป็นสามเณร ๔ ปี ระหว่างที่ท่านเป็นสามเณรนั้น ท่านได้พบได้และได้กราบครูบาอาจารย์สายกรรมฐานที่เป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ขององค์ท่านหลวงปู่มั่นหลายองค์ อาทิเช่น หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม หลวงปู่มหาปิ่น ปัญญาพโล หลวงปู่สุวรรณ สุจิณโณ หลวงปู่ทองรัตน์ กันตสีโล เป็นต้น บรรดาครูบาอาจารย์ที่ได้กล่าวนามมานี้ท่านอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่สิงห์มากกว่าทุกองค์ รองลงมาคือหลวงปู่มหาปิ่น
วันหนึ่งสามเณรชอบเข้าไปทำข้อวัตรสรงน้ำองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ถามท่านว่า เณรชอบตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว ท่านตอบหลวงปู่สิงห์ว่า ข้าน้อยอายุเข้า ๒๓ ปีแล้วขอรับ หลวงปู่สิงห์ท่านจึงอนุญาตให้สามเณรชอบญัตติเป็นพระภิกษุ หลวงปู่สิงห์ท่านจึงเขียนลิขิต ( จดหมาย ) บอกให้พระอาจารย์พามาพบท่าน แล้วองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ท่านบอกพระอาจารย์พาให้พาสามเณรชอบไปญัตติเป็นพระภิกษุที่วัดสร่างโศก ( วัดศรีธรรมาราม ) อำเภอยโสธร จังหวัดอุบลราชธานี
พระอาจารย์พาท่านพาสามเณรชอบไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ วัดสร่างโศก(วัดศรีธรรมมาราม) อำเภอยโสธร* จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันคือ จังหวัดยโสธร สามเณรชอบ แก้วสุวรรณ อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ วันที่ ๒๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๖๗
โดยมีท่าน พระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์แดง ขันติธัมโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า ฐานสโม แปลว่า ผู้มีความตั้งใจมั่น
หลังจากท่านบวชพระแล้ว หลวงปู่สิงห์ได้ชวนท่านไปวิเวกทางอุดรธานีเพื่อไปหาองค์ท่านหลวงปู่เสาร์ และองค์ท่านหลวงปู่มั่น แต่ท่านพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านอยากให้ท่านเรียนนักธรรมตรีก่อน เมื่อสอบนักธรรมตรีได้แล้วท่านจะออกไปปฏิบัติที่ไหนท่านพระอุปัชฌาย์ก็จะไม่ว่า ท่านจึงไปจำพรรษาที่หนึ่ง ปี ๒๔๖๘ ที่ วัดเลียบ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี กับ พระคุณเจ้าหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล เพื่อเรียนนักธรรมตรี พอออกพรรษาท่านก็สอบนักธรรมตรีได้
ปี ๒๔๖๙ หลวงปู่ชอบท่านจำพรรษาที่ วัดศรีมงคลเหนือ ตำบลคำชะอี อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม(ในสมัยนั้น) จำพรรษากับ พระอาจารย์แดง ขันติธัมโม พระกรรมวาจาจารย์ของท่าน พอออกพรรษาหลวงปู่เสาร์ท่านมาที่วัดศรีมงคลเหนือเพื่อชวนหลวงปู่ชอบออกเที่ยววิเวก หลวงปู่ชอบท่านยังไม่เคยเที่ยววิเวกอย่างจริงจังมาก่อน เมื่อหลวงปู่เสาร์ชวนท่านออกเที่ยววิเวก ท่านจึงออกเที่ยววิเวกกับหลวงปู่เสาร์
ตอนต่อจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องราวชีวประวัติของในภาคปฏิบัติของหลวงปู่ชอบ พระอริยะสงฆ์ผู้ที่ได้สมญานามจากครูบาอาจารย์สายพระป่ากรรมฐานว่า พระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยุค ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น