วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

ตอน พบพระอาจารย์พา

พบพระอาจารย์พา

ตอนหลวงปู่ท่านอายุประมาณ  ๑๑ – ๑๒  ปี  ท่านเกิดความคิดขึ้นมาว่า  “ ชีวิตของคนเรานั้นวนเวียนและเวียนวนอยู่เพียงแค่นี้หรือ  ทำมาหากินเลี้ยงชีพตนเองไปวันๆ  แต่งงานมีลูกมีเมียสืบสกุลครองเรือน  เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานไปวันๆ  พอแก่ชราลงไปแล้วก็เจ็บป่วยล้มตาย  เมื่อตายไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนอีก ”  ความคิดเหล่านี้จะวนเวียนอยู่ในใจของท่านเสมอหาข้อยุติไม่ได้เลย  จนถึงวันที่ท่านได้พบกับพระอาจารย์รูปหนึ่งชื่อ  พระอาจารย์พา  อริยะวังโส  ความสงสัยที่มีอยู่ในใจของท่านในเรื่องเหล่านี้จึงเริ่มกระจ่างขึ้นมา

ผ้าขาวชอบ

หลังจากพระอาจารย์พาสอบถามความสมัครใจเรื่องบวชกับท่านแล้ว  พระอาจารย์พาบอกให้ท่านกลับไปบอกเรื่องนี้กับโยมแม่  และขออนุญาตโยมแม่ที่จะออกบวชติดตามพระอาจารย์พา  พอแม่ปาทราบเรื่องที่ท่านอยากจะบวช  แม่ปาก็นึกแปลกใจที่จู่ๆลูกชายอยากจะบวชโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยส่งเสียงให้ทราบมาก่อน  ตอนนั้นโยมแม่ของท่านยังไม่อยากจะให้ท่านบวชเพราะเห็นว่าท่านยังเด็กอายุแค่  ๑๔  ปีเท่านั้น  แม่เกรงว่าถ้าบวชในตอนนี้กลัวว่าท่านจะไม่มีความอดทนดำรงตนอยู่ในพระศาสนาได้นาน 

สามเณรชอบ  แก้วสุวรรณ

หลังจากงานทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับโยมตาผ่านไปแล้ว  หลวงปู่ชอบท่านได้บวชเป็นผ้าขาวถือศีลแปดอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบานประมาณสองเดือน  เมื่อพระอาจารย์พาท่านเห็นสมควรแล้วจึงอนุญาตให้ท่านบวชเป็นสามเณร  โดยมีโยมแม่และโยมยายของท่านร่วมกันทอผ้าเพื่อนำมาตัดเย็บเป็นจีวรให้กับท่าน  บริขารของท่านส่วนมากนั้นโยมแม่และโยมยายจะเป็นผู้จัดหาให้เกือบทั้งหมด  มีเพียงบาตรและบริขารบางอย่างเท่านั้นที่พระอาจารย์พาเป็นผู้จัดให้ 

พระอาจารย์พาท่านพาตาผ้าขาวชอบเดินทางมาเมืองเลยเพื่อจะมาบรรพชาเป็นสามเณร  เนื่องจากในสมัยนั้นอุดรธานีและเมืองเลยมีพระอุปัชฌาย์ฝ่ายธรรมยุติอยู่เพียงองค์เดียวคือ  พระครูอดิสัยคุณาธาร ( คำ  อรโก )  วัดศรีสะอาด  ตำบลกุดป่อง  อำเภอเมือง  จังหวัดเลย  ( วัดศรีสะอาดปัจจุบันคือโรงเรียนศรีสะอาด  เทศบาล  ๑ ) 

ในสมัยนั้นท่าน  พระครูอดิสัยคุณาธาร  ( คำ  อรโก )  ท่านเป็นเจ้าคณะมณฑลสงฆ์ของภาคอีสานเหนือ  มีหน้าที่ปกครองคณะสงฆ์เมืองเลย - อุดรธานี  ฝ่ายธรรมยุติ

พระอาจารย์พาและผ้าขาวชอบเดินทางมาแวะพักที่  วัดบ้านนาแก  ตำบลนากลาง  อำเภอหนองบัวลำภู*  จังหวัดอุดรธานี  และบังเอิญได้มาพบท่านพระครูอดิสัยคุณาธารที่วัดบ้านนาแกแห่งนี้  เนื่องจากท่านพระครูอดิสัยคุณาธารท่านเดินทางมาจากเมืองเลยเพื่อมาตรวจราชการงานปกครองของคณะสงฆ์ในเขตอุดรธานี  พระอาจารย์พาท่านจึงกราบนิมนต์ท่านพระครูอดิสัยคุณาธารเป็นพระอุปัชฌาย์บรรพชาสามเณรให้กับผ้าขาวชอบผู้เป็นหลาน

( ปัจจุบัน  ตำบลนากลาง  เป็น  อำเภอนากลาง  อำเภอหนองบัวลำภู  เป็น  จังหวัดหนองบัวลำภู )

นายชอบ  แก้วสุวรรณ  บรรพชาเป็นสามเณรที่  วัดบ้านนาแก  ตำบลนากลาง  อำเภอหนองบัวลำภู  จังหวัดอุดรธานี  บรรพชาเมื่อ  วันพฤหัสบดี  ขึ้น  ๘ ค่ำ  เดือน  ๔  ปีวอก  ตรงกับวันที่  ๒๖  กุมภาพันธ์  พุทธศักราช  ๒๔๖๓  โดยมีท่าน  พระครูอดิสัยคุณาธาร  ( คำ  อรโก )  เป็นพระอุปัชฌาย์  พระอาจารย์พา  อริยะวังโส  เป็นผู้ให้ศีล

หลังจาก  สามเณรชอบ  แก้วสุวรรณ  บรรพชาแล้ว  พระอาจารย์พาและสามเณรชอบพักอยู่ที่วัดบ้านนาแกหนึ่งคืน  จากนั้นพระอาจารย์พาได้พาสามเณรชอบกราบลาท่าน  พระครูอดิสัยคุณาธาร  ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์  เพื่อเดินทางมาพักที่  วัดพิศาลอรัญญิกาวาส  อยู่ในตัวเมืองหนองบัวลำภู  พระอาจารย์พาและท่านพักอยู่ที่วัดแห่งนี้ประมาณสี่คืน 

ระหว่างที่พระอาจารย์พากับสามเณรชอบพักอยู่ที่วัดพิศาลรัญญาวาส  พระอาจารย์พาใช้ให้ท่านขุดดินเพื่อปลูกต้นไม้  พระอาจารย์พาบอกให้ท่านปลูกต้นตาลเพื่อเป็นอนุสรณ์ในการบวชของท่าน  เพราะต้นตาลเป็นต้นไม้ที่ปลูกยาก  เป็นไม้ผลธรรมชาติที่ออกลูกยาก  กว่าต้นตาลจะใหญ่โตจนถึงขั้นออกลูกให้ผลอย่างเร็วก็ประมาณสิบห้าปี  มากสุดก็ยี่สิบปีขึ้นไป

( เมื่อเดือนมีนาคมปี  ๒๕๓๕  หลวงปู่ชอบท่านเดินทางไปเยี่ยม  หลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน  ที่วัดป่าบ้านตาด  ขากลับหลวงปู่ท่านพาผู้เขียนแวะเข้าไปดูต้นตาลที่วัดพิศาลรัญญาวาสแห่งนี้  หลวงปู่ท่านบอกว่าต้นตาลที่เหลืออยู่นี้ไม่ใช่ต้นเริ่มแรกที่ท่านปลูก  แต่เป็นต้นตาลที่เป็นลูกหลานของต้นแรกที่ท่านได้ปลูกเอาไว้ 

ถามพระที่อยู่ในวัดว่าต้นตาลพวกนี้มีอายุเท่าไรแล้ว  ท่านตอบว่าไม่รู้  ท่านมาอยู่วัดแห่งนี้ก็เห็นต้นตาลมันโตของมันอย่างนี้แล้ว  แต่ก่อนพระท่านว่าต้นตาลที่วัดจะมีมากกว่านี้  แต่ได้ตัดออกไปหลายต้นเนื่องจากก่อสร้างเสนาสนะ  หลวงปู่ท่านบอกว่าต้นตาลเหล่านี้สืบเนื่องมาจากต้นตาลที่ท่านปลูกไว้เมื่อสมัยที่ท่านเป็นเณร  พอพระท่านทราบว่าต้นตาลทั้งหมดนี้เป็นต้นตาลที่สืบเนื่องมาจากการปลูกของหลวงปู่  ท่านรับปากว่าจะอนุรักษ์ต้นตาลเหล่านี้ไว้ให้ลูกหลานคนรุ่นหลังได้ดู..ผู้เขียน )    

ออกจากวัดพิศาลรัญญาวาส  พระอาจารย์พาได้พาสามเณรชอบเดินทางกลับมาบ้านหนองบัวบานอีกครั้ง  เพื่อที่จะให้โยมแม่และญาติมิตรทั้งหลายได้เห็นชายผ้าเหลืองของท่าน  สามเณรชอบท่านพักอยู่ที่วัดป่าหนองบัวบานกับพระอาจารย์พาระยะหนึ่ง  จากนั้นพระอาจารย์พาได้พาท่านเดินทางไปเที่ยววิเวกและจำพรรษาที่พระพุทธบาทบัวบก  อำเภอบ้านผือ  จังหวัดอุดรธานีเป็นพรรษาแรกของ  สามเณรชอบ  แก้วสุวรรณ  ปี  พ.ศ.๒๔๖๓ 

พรรษาที่สอง  ปี  ๒๔๖๔  พระอาจารย์พาได้พา  สามเณรชอบ  แก้วสุวรรณ  มาจำพรรษากับ  หลวงปู่บุญ  ปัญญาวุโธ  ที่เสนาสนะป่าบ้านค้อ  อำเภอบ้านผือ  จังหวัดอุดรธานี ( ปัจจุบันคือ  วัดป่าสาละวารี )  เป็นครั้งแรกที่ท่านได้จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่บุญซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ของ  หลวงปู่เสาร์  กันตสีโล  และ  หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต

หลังจากออกพรรษาปลายปี  ๒๔๖๔  พระอาจารย์พาท่านทราบข่าวว่าองค์ท่านหลวงปู่มั่นท่านมาพักภาวนาอยู่ทางเขตสกลนคร  พระอาจารย์พาจึงชวนสามเณรชอบออกเดินทางมาหาหลวงปู่มั่นที่สกลนคร  แต่พอถึงเขตอำเภอสว่างแดนดิน  จังหวัดสกลนครพระอาจารย์พาทราบว่าหลวงปู่มั่นท่านเดินทางมาเที่ยววิเวกทางอำเภอบ้านผือ  จังหวัดอุดรธานี  พระอาจารย์พาจึงเปลี่ยนใจพาสามเณรชอบเดินทางไปที่อุบลราชธานี  เพื่อจะนำสามเณรชอบไปฝากเรียนหนังสือที่  วัดสุทัศนาราม  อำเภอเมือง  จังหวัดอุบลราชธานี

หลังออกพรรษาเข้าปี  ๒๔๖๖  หลวงปู่มหาปิ่น  ปัญญาพโล  ท่านเดินทางจากกรุงเทพมหานครเพื่อมาดูแลโยมแม่ของท่านที่กำลังป่วย  หลวงปู่มหาปิ่นท่านจึงมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุทัศวนารามเพื่อสะดวกในการดูแลอุปัฏฐากโยมแม่ขององค์ท่าน  สามเณรชอบจึงได้จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่มหาปิ่นที่วัดสุทัศวนาราม

หลังออกพรรษาปี  ๒๔๖๖  โยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นได้ถึงแก่กรรมลง  สามเณรชอบท่านได้ช่วยงานฌาปนกิจศพโยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นจนเสร็จ  หลังงานฌาปนกิจศพโยมแม่ของหลวงปู่มหาปิ่นผ่านไปได้ไม่นาน  หลวงปู่สิงห์  ขันตยาคโม  ท่านเดินทางมาร่วมงานของโยมแม่ท่าน  แต่ท่านมาไม่ทันงาน  หลวงปู่ชอบท่านได้พบและได้กราบองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ครั้งแรกที่วัดสุทัศวนาราม

ต่อมาพระอาจารย์พาท่านอยากจะเดินทางไปเรียนหนังสือที่วัดบูรพาราม  ท่านเห็นว่าการที่ท่านจะไปเรียนหนังสือโดยมีหลานติดตามไปด้วยนั้นท่านจะเกิดพะวงห่วงหน้าห่วงหลังไม่สะดวกในเรื่องการเรียน  และที่สำคัญสามเณรชอบท่านมีใจฝักใฝ่ทางด้านจิตภาวนามากกว่าการเรียนหนังสือ  พระอาจารย์พาจึงฝากสามเณรชอบไว้กับองค์ท่านหลวงปู่สิงห์  เพื่อให้หลวงปู่สิงห์ท่านเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในการปฏิบัติให้กับสามเณรชอบ

สามเณรชอบท่านได้ฝึกหัดข้อวัตรปฏิบัติต่างๆจากองค์ท่านหลวงปู่สิงห์  สามเณรชอบท่านเป็นคนมีนิสัยพูดน้อยและขยันหมั่นเพียรในการทำข้อวัตรต่างๆ  หลวงปู่สิงห์ท่านจึงเมตตาสามเณรชอบเป็นอย่างยิ่ง  องค์ท่านได้มอบหมายให้สามเณรชอบเป็นผู้ดูแลบริขารของท่าน  ผู้ดูแลบริขารก็คือผู้อุปัฏฐากนั่นเอง 

หลวงปู่สิงห์ท่านเมตตาสอนสามเณรชอบเรื่องจิตภาวนา  โดยองค์ท่านจะสอนเน้นหนักในทางด้านสมถะภาวนา  เพราะสมถะภาวนานั้นเป็นรากฐานอันสำคัญของการภาวนา  หากรากฐานของสมถะไม่แน่นหนาแล้ว  การจะยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาภูมินั้นจะทำไม่ได้เลย  จริตของหลวงปู่สิงห์ตามที่หลวงปู่ชอบท่านบอก  ท่านจะออกไปในทางเรียบง่าย น  ปัญญา  ใหม่คำสอนที่ แต่สามเณรชอบนั้นท่านเป็นจริตแนวโลดโผน  หลวงปู่ชอบท่านเล่าถึงเรื่องนี้ให้ฟังว่า 

“ เราเป็นคนจริตโลดโผน  จิตมักจะออกรู้ออกเห็นภายนอกอยู่เสมอ  ถ้าเป็นคนก็ต้องให้เจ็บตัวเสียก่อนปัญญาจึงจะเกิดตามมาในภายหลัง  ตอนหัดภาวนาใหม่ๆนั้นจิตมันจะส่งออกไปข้างนอกเสมอ  ห้ามมันก็ไม่ได้  เพราะนิสัยของจิตตนเองมันเป็นแบบนี้  พอมันดูอะไรจนพอใจแล้วมันถึงจะย้อนกลับเข้ามาดูภายใน ” 

“ เรื่องภาวนาเราไม่ค่อยมีความขัดข้องอะไรมากนัก  ต่างแต่เราเป็นผู้ที่มีจริตโลดโผนเท่านั้น  เรียนถามท่านอาจารย์สิงห์ถึงเรื่องนี้  ท่านก็บอกว่า  เณรนี่เจ้าเป็นคนจิตโลดโผนเน๊าะ  พวกโลดโผนแบบนี้ต้องไปอยู่กับท่านอาจารย์ใหญ่มั่น  ให้ท่านเอาไม้ตีหัวให้แตกมันถึงจะได้หายพยศลงไปบ้าง ”      

หลวงปู่ชอบท่านบวชเป็นสามเณร  ๔  ปี  ระหว่างที่ท่านเป็นสามเณรนั้น  ท่านได้พบได้และได้กราบครูบาอาจารย์สายกรรมฐานที่เป็นลูกศิษย์รุ่นใหญ่ขององค์ท่านหลวงปู่มั่นหลายองค์  อาทิเช่น  หลวงปู่สิงห์  ขันตยาคโม  หลวงปู่มหาปิ่น  ปัญญาพโล  หลวงปู่สุวรรณ  สุจิณโณ   หลวงปู่ทองรัตน์  กันตสีโล  เป็นต้น  บรรดาครูบาอาจารย์ที่ได้กล่าวนามมานี้ท่านอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่สิงห์มากกว่าทุกองค์  รองลงมาคือหลวงปู่มหาปิ่น

วันหนึ่งสามเณรชอบเข้าไปทำข้อวัตรสรงน้ำองค์ท่านหลวงปู่สิงห์  องค์ท่านหลวงปู่สิงห์ถามท่านว่า  เณรชอบตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว  ท่านตอบหลวงปู่สิงห์ว่า  ข้าน้อยอายุเข้า ๒๓  ปีแล้วขอรับ  หลวงปู่สิงห์ท่านจึงอนุญาตให้สามเณรชอบญัตติเป็นพระภิกษุ  หลวงปู่สิงห์ท่านจึงเขียนลิขิต ( จดหมาย ) บอกให้พระอาจารย์พามาพบท่าน  แล้วองค์ท่านหลวงปู่สิงห์ท่านบอกพระอาจารย์พาให้พาสามเณรชอบไปญัตติเป็นพระภิกษุที่วัดสร่างโศก ( วัดศรีธรรมาราม )  อำเภอยโสธร  จังหวัดอุบลราชธานี

พระอาจารย์พาท่านพาสามเณรชอบไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่  วัดสร่างโศก(วัดศรีธรรมมาราม)  อำเภอยโสธร* จังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันคือ จังหวัดยโสธร  สามเณรชอบ  แก้วสุวรรณ  อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อ  วันที่  ๒๑  มีนาคม  พุทธศักราช  ๒๔๖๗ 

โดยมีท่าน พระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์  เป็นพระอุปัชฌาย์  พระอาจารย์แดง  ขันติธัมโม  เป็นพระกรรมวาจาจารย์  ได้รับฉายาทางพระพุทธศาสนาว่า  ฐานสโม  แปลว่า  ผู้มีความตั้งใจมั่น

หลังจากท่านบวชพระแล้ว  หลวงปู่สิงห์ได้ชวนท่านไปวิเวกทางอุดรธานีเพื่อไปหาองค์ท่านหลวงปู่เสาร์  และองค์ท่านหลวงปู่มั่น  แต่ท่านพระครูวิจิตรวิโสธนาจารย์  ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านอยากให้ท่านเรียนนักธรรมตรีก่อน  เมื่อสอบนักธรรมตรีได้แล้วท่านจะออกไปปฏิบัติที่ไหนท่านพระอุปัชฌาย์ก็จะไม่ว่า  ท่านจึงไปจำพรรษาที่หนึ่ง  ปี  ๒๔๖๘  ที่  วัดเลียบ  อำเภอเมือง  จังหวัดอุบลราชธานี  กับ  พระคุณเจ้าหลวงปู่เสาร์  กันตสีโล  เพื่อเรียนนักธรรมตรี  พอออกพรรษาท่านก็สอบนักธรรมตรีได้ 

ปี  ๒๔๖๙  หลวงปู่ชอบท่านจำพรรษาที่  วัดศรีมงคลเหนือ  ตำบลคำชะอี  อำเภอมุกดาหาร  จังหวัดนครพนม(ในสมัยนั้น)  จำพรรษากับ  พระอาจารย์แดง  ขันติธัมโม  พระกรรมวาจาจารย์ของท่าน  พอออกพรรษาหลวงปู่เสาร์ท่านมาที่วัดศรีมงคลเหนือเพื่อชวนหลวงปู่ชอบออกเที่ยววิเวก  หลวงปู่ชอบท่านยังไม่เคยเที่ยววิเวกอย่างจริงจังมาก่อน  เมื่อหลวงปู่เสาร์ชวนท่านออกเที่ยววิเวก  ท่านจึงออกเที่ยววิเวกกับหลวงปู่เสาร์

ตอนต่อจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นเรื่องราวชีวประวัติของในภาคปฏิบัติของหลวงปู่ชอบ  พระอริยะสงฆ์ผู้ที่ได้สมญานามจากครูบาอาจารย์สายพระป่ากรรมฐานว่า  พระอรหันต์ผู้ทรงฤทธิ์แห่งยุค ..         

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น