วันศุกร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2560

เปรตแม่ขาวกินของวัด



วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๓๕ องค์ท่านหลวงปู่ชอบพักอยู่วัดแห่งหนึ่ง มีเรา(ครูบากล้วย)กับท่านบิ้ง เฝ้าหลวงปู่อยู่ด้วยกันสององค์ เวลาสามทุ่มกว่าหลวงปู่ท่านชี้มือไปที่ประตูห้องพัก เรากับท่านบิ้งเข้าใจว่าหลวงปู่ท่านจะออกไปจงกรมนอกห้อง ถามองค์ท่านว่าหลวงปู่จะออกไปข้างนอกใช่ไหม ท่านว่าไม่..
องค์ท่านถามว่าเห็นเปรตผู้หญิงนั่งอยู่ที่หน้าประตูห้องไหม ตอบท่านว่าไม่เห็นขอรับ บ่ได้หูทิพย์ตาทิพย์เหมือนหลวงปู่ องค์ท่านยิ้มมองหน้าเรากับท่านบิ้ง แล้วท่านว่าให้

 " พวกตาหมากขามขี้ เปรตปรากฏตัวให้เห็นก็ยังมองไม่เห็นมันอีก "...

ท่านบอกเปรตตนนี้เป็นเปรตผู้หญิง เขามาหาท่านเพื่อต้องการให้ท่านอุทิศบุญให้กับเขา แต่หลวงปู่ท่านไม่สามารถอุทิศบุญให้เขาได้ ท่านบอก " เราไม่มีวาสนาสงเคราะห์กันกับเปรตตนนี้ "

องค์ท่านพูดให้ฟังว่า หญิงเปรตนางนี้ตายเมื่อ เดือนกันยายน ปี ๒๕๒๘ ตายไปแล้วเป็นเปรตในลักษณะนุ่งห่มเสื้อผ้าเหมือนกับชีพราหมณ์อยู่วัด ใส่เสื้อแขนกระบอกสีขาว นุ่งผ้าถุงสีดำ มือข้างหนึ่งถือข้าวสาร อีกข้างหนึ่งถือหน่อไม้ดิบ...

เปรตนางนี้มาหาหลวงปู่ชอบเพื่อขอข้าวกิน เขาบอกองค์ท่านว่า ตั้งแต่ข้าน้อยตายยังไม่ได้กินข้าวเลย มีแต่ข้าวสารอยู่เต็มกำมือถือไปถือมา ไม่สามารถกินได้เพราะมันไม่สุก หน่อไม้ก็กินไม่ได้เพราะมันดิบ ได้แต่แบกหน่อไม้และข้าวสารเดินร้องไห้หิวโหยอยู่ในวัด ท่านว่าเห็นแล้วสังเวชใจ

บุพกรรมของเปรตตนนี้ท่านว่า เดิมเป็นแม่ของตุ๊เจ้าชื่อ..อาศัยว่าลูกชายตนเป็นสมภารเจ้าวัด เมื่ออยากกินอยากใช้อะไรที่เป็นของในวัด ก็หยิบฉวยเอาโดยวิสาสะพละการ ใครห้ามก็ไม่ฟัง บางครั้งคนที่ห้ามกลับโดนว่าให้เสียอีก นานเข้าคนเขาก็เลยไม่สนใจห้าม...ลูกชายที่เป็นตุ๊หลวงก็ไม่เคยห้ามปรามแม่ตนเอง บาปกรรมจึงสะสมเข้าหนัก พอตายแล้วจิตจึงติดข้องเกี่ยวกับกรรมนี้ ส่งผลให้ตนเองได้มาเกิดเป็นเปรตอยู่ในวัดแห่งนี้ เพื่อใช้กรรมที่ตนเองเคยก่อไว้กับสมบัติของศาสนา..

ฟังองค์ท่านเล่าแล้วสลดใจในบุพกรรมของเปรตตนนี้ เพียงเพราะเห็นแก่ปากท้องตัวเองจึงต้องมาเป็นเปรตทุกข์ทรมาน

องค์ท่านหลวงปู่ชอบเอ่ยชื่อแซ่ของเปรตตนนี้ให้ฟังทั้งหมด แต่ไม่กล้าที่จะนำชื่อมาเปิดเผยด้วยเกรงโทษในเรื่องนี้...ใครจะไปเชื่อในสิ่งเหล่านี้ เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่สามารถมองเห็นกันได้ทุกคน เอาเรื่องนี้มาเขียนเล่าถ่ายทอดให้ท่านทั้งหลายได้อ่านเพื่อเป็นคติสอนใจเท่านั้น...คิดที่จะเขียนเรื่องนี้อยู่นาน จนปรึกษากับหมู่คณะครูบาอาจารย์ที่เคยได้ยินองค์ท่านหลวงปู่ชอบเล่าให้ฟัง เห็นพ้องต้องกันว่าควรจะถ่ายทอดเรื่องนี้ออกมาเพื่อเป็นคติธรรมสอนใจ อย่างน้อยคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้จะได้ฉุกคิดขึ้นมาบ้าง..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น