ในช่วงระหว่างปีพุทธศักราช ๒๕๒๔-๒๕๒๕
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร ท่านเที่ยววิเวกและจำพรรษาอยู่ทางเขตเมืองเลย สมัยนั้นเป็นสมัยกลิ่นไอคอมมิวนิสต์ซ่อนหลบตัวเพื่อรอฟ้าวันใหม่ที่พวกเขาเฝ้าหวัง ตามเขตอำเภอปากชม น้ำโสม นายูง ยังมีกลิ่นไอควันไฟคอมมิวนิสต์อยู่
หลวงปู่จันทร์เรียนบอก การซุกซ่อนอาวุธของคอมมิวนิสต์มีอยู่ทั่วไปตามป่าเขา ชาวบ้านสมัยนั้นหรือแม้แต่พระบางรูปยังมีใจฝักใฝ่ในคอมมิวนิสต์
หลวงปู่จันทร์เรียนออกจากบ้านวังผา มาพักอยู่ที่วัดป่าห้วยบ่อซืน
บ้านห้วยบ่อซืน ตำบลห้วยบ่อซืน อำเภอปากชม จังหวัดเลย
มีวันหนึ่งท่านเดินไปบิณฑบาตที่ในหมู่บ้าน
วันนั้นท่านเดินบิณฑบาตผ่านอดีตเจ้าอาวาสวัดป่าห้วยบ่อซืน
เจ้าอาวาสผู้นี้แกมีนิสัยไม่เหมือนพระทั่วไป
ชอบพกพาอาวุธทั้งปืนมีดติดตัวเป็นประจำ
ความประพฤติของอดีตเจ้าอาวาสผู้นี้เป็นเช่นไร
ชาวบ้านห้วยบ่อซืนในอดีตเป็นที่ทราบกันดี
แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรจานกาละมังผู้นี้เพราะติดคาในผ้าเหลือง
จึงปล่อยวางแกให้เป็นไปตามกรรมของตนเอง
ปรกติจานอันธพาลผู้นี้เวลาบิณฑบาตเจอกันกับหลวงปู่จันทร์เรียน
มักจะพูดจาถากถางดูถูกหลวงปู่จันทร์เรียนอยู่เป็นประจำ
แต่หลวงปู่จันทร์เรียนท่านจะอดทนในขันติวิริยะธรรมขององค์ท่านที่ฝึกมา
เดิมทีหลวงปู่จันทร์เรียนก่อนท่านจะบวชนั้น ท่านเป็นคนใจร้อนวู่วาม
แต่ความวู่วามของท่านถูกองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม กำราบให้สิ้น
จึงเหลือแต่ใจเดิมที่ท่านเป็นคนใจเร็วไว้ให้เห็นเท่านั้น
วันนั้นจานเจ้าอาวาสวัดป่าห้วยบ่อซืนเดินบิณฑบาต
มาเจอกับหลวงปู่จันทร์เรียน จานท่านนี้ว่าให้หลวงปู่จันทร์เรียนว่า
“ท่านเรียน เมื่อวานมีแผ่นดินไหวอยู่ญี่ปุ่น
มีคนตายตั้งหลายคนท่านฮู้บ่
หลับหูหลับตาอย่างท่านจะรู้เรื่องอย่างนี้อยู่บ่
เฮาฮู้เรื่องนี่เพราะเราฟังวิทยุเด้”
หลวงปู่จันทร์เรียนจึงว่าให้
“สนใจแต่แผ่นดินไหวอยู่ญี่ปุ่น
สนใจแต่แผ่นดินไหวอยู่ประเทศนั่นประเทศนี่
รู้หมดว่าแผ่นดินไหวอยู่ไหนในโลกนี้
แผ่นดินกิเลสไหวในใจของตนเองคือบ่สนใจ
ทุกวันนี้ไม่รู้หรือว่ากิเลสมันขย้ำหัวตัวเองมากแค่ไหนแล้ว”
หลวงปู่จันทร์เรียนเตือนด้วยความหวังดีในธรรม
แต่เจ้าอาวาสท่านนี้กลับโกรธแค้นหลวงปู่จันทร์เรียน
ที่มาหักหน้าตนเองในกลางหมู่บ้านท่ามกลางญาติโยมที่กำลังจะใส่บาตร
จึงเก็บแค้นฝังลึกในใจเพื่อรอการสะสางกับหลวงปู่จันทร์เรียน
ผ่านไปไม่กี่วันขณะหลวงปู่จันทร์เรียนกำลังเดินจงกรม
อยู่ทางโรงครัวของวัดป่าห้วยบ่อซืนในปัจจุบัน
มีผู้ห่มผ้าเหลืองแอบเอาระเบิดมาปาข่มขู่หลวงปู่จันทร์เรียน
ที่ทางเข้าวัดป่าห้วยบ่อซืน ห่างจากท่านเดินจงกรมอยู่ประมาณร้อยเมตร
เสียงระเบิดดังตู๊ม...ขึ้น หลวงปู่จันทร์เรียนท่านกำหนดจิตดูที่มาทันที
ท่านเห็นอลัชชีผู้นี้หลบอยู่ในพงหญ้ากำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ท่าน
หลวงปู่จันทร์เรียนทำท่าไม่สนใจ
เดินจงกรมของท่านต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อลัชชีผู้นี้พอขยับเข้ามาใกล้แล้วเขาเอาระเบิดลูกที่สอง
โยนใส่หลวงปู่จันทร์เรียนอีกลูก
ระเบิดลูกที่สองตกอยู่ไม่ไกลหลวงปู่จันทร์เรียนมากเท่าไหร่นัก
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุอันหนึ่งอันใดมิทราบได้
ถามหลวงปู่จันทร์เรียน ท่านก็บอกว่าไม่รู้
ระเบิดลูกนี้เกิดด้านไม่ระเบิดออกมาดั่งใจผู้ที่โยนหมายทำร้ายท่าน
ผู้ที่โยนระเบิดหมายทำร้ายท่านเห็นระเบิดไม่แตกจึงรีบถอยหนีหลบออกไป
หลังจากอลัชชีผู้นี้ถอยหนีไป
หลวงปู่จันทร์เรียนจึงเดินไปเก็บลูกระเบิดที่อลัชชีทิ้งไว้
ท่านเอายางรัดถุงแกงมัดกระเดื่องลูกระเบิดเอาไว้ให้แน่น
แล้วเก็บเอาระเบิดลูกนี้ไปเก็บไว้ยังที่พักของท่าน
ท่านพิจารณาถึงจิตของผู้นี้ แม้ร่างกายจะหุ้มห่อด้วยผ้ากาสายะ
อันเป็นผ้าธงชัยแห่งอริยะ แต่จิตใจเขานั้นกลับตกต่ำดำดิ่งอยู่ในนรกอเวจี
ท่านได้แต่ปลงใจสังเวชกรรมที่เขาได้กระทำลงไป
รุ่งเช้าบิณฑบาตหลวงปู่จันทร์เรียน
ท่านนำระเบิดลูกเกลี้ยงลูกนี้ติดตัวไปด้วย
พอท่าเจอกับอลัชชีผู้นี้ขณะบิณฑบาต
หลวงปู่จันทร์เรียนจึงยื่นระเบิดลูกเกลี้ยงคืนให้เจ้าของ
หลวงปู่จันทร์เรียนบอก “เอาของไปเล่นทิ้งขว้างไม่รู้จักเก็บกลับคืน
ผมไม่อยากเป็นผู้เก็บภาระของเล่นให้กับท่าน เอ้า...ไป ผมเอามาคืนให้”
ผู้ที่ขว้างระเบิดใส่ท่านเห็นระเบิดที่ตนเองขว้างใส่
หลวงปู่จันทร์เรียนที่ท่านยื่นให้ ถึงกับหน้าเผือดถอดสี
เกิดความกลัวหลวงปู่จันทร์เรียนขึ้นมาอย่างจับจิตจับใจ
มีอาการตัวสั่นงันงกเมื่อเจอหน้าหลวงปู่จันทร์เรียน
จนพ่อตู้เสน บ้านห้วยบ่อซืน ที่รอใส่บาตรในขณะนั้นบอกว่า
“อาจารย์กลัวอาจารย์จันทร์เรียนเกือบใจขาดตาย”
อลัชชีผู้นี้ตรอมใจเป็นไข้อยู่หลายวันเพราะกลัวหลวงปู่จันทร์เรียน
ได้มากราบขอโทษหลวงปู่จันทร์เรียน
หลวงปู่จันทร์เรียนบอก “กรรมท่านกับผมนั้นมันจบกันแล้ว
แต่กรรมพรหมจรรย์ที่ท่านทำไว้ในพระศาสนานั้นท่านต้องรับเอาเอง”
จากนั้นมาอลัชชีผู้นี้ไม่กล้าเบียดเบียนหลวงปู่จันทร์เรียนอีกเลย
พอผู้เขียน (อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)
มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าห้วยบ่อซืน ได้เห็นเจ้าอาวาสวัดบ้านท่านนี้
ดูกิริยาวาจาการกระทำของเขาไม่มีความเป็นพระให้เรามองเห็นเลย
นอกจากกายห่มผ้าเหลือง ต่อมาแกเกิดป่วยเดินไม่ได้อยู่พักหนึ่ง
สุดท้ายญาตินำกลับไปรักษาและไปตายอยู่ที่บ้านของตนเอง
นำเรื่องนี้ไปกราบเรียนให้หลวงปู่จันทร์เรียนทราบ
ถามท่านว่าคนๆ นี้จะไปไหนท่านอาจารย์
หลวงปู่จันทร์เรียนบอก
“อย่าถามว่ามันอยู่สูงซ่ำใด๋ ให้ถามว่ามันอยู่ต่ำซ่ำใด๋พอ”
ถามท่านว่าตอนนี้คนๆ นี้อยู่ที่ไหน
ท่านก็บอกชื่อนรกที่ผู้นี้กำลังเสวยทุกข์อยู่ให้ฟัง
เรื่องนี้มันมีเกิดขึ้นในพระศาสนาแล้ว เรื่องนี้มันมีเกิดขึ้นในชีวิต
เรื่องราวของหลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร พระผู้เป็นพี่ชายทางธรรมของเรา
เราจึงเขียนเรื่องของหลวงปู่จันทร์เรียนไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น