วันจันทร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2560

ธรรมทายาทหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร

 วัดถ้ำสหาย (วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต) หมู่ที่ ๓ ต.ทับกุง อ.หนองแสง จ.อุดรธานี



หลวงพ่อจันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายฯท่านเล่าถึงเรื่องหลวงปู่ชอบ สั่งท่านให้รื้อกุฏิแม่ชี ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ท่านว่าเดือนมกราคมปี ๒๕๐๘ ปีนั้นท่านว่าอากาศที่เมืองเลยหนาวมากจนมือเท้าเป็นตะคิว หลวงปู่ชอบท่านจึงพาพระเณรตาผ้าขาวออกไปหาฟืนในบริเวณป่ารอบๆหมู่บ้านโคกมน..


ท่านอาจารย์จันทร์เรียนบอกหลวงปู่ชอบท่านเป็นผู้ที่มีความละเอียดอ่อนรู้คุณค่าของเครื่องใช้ไม้สอยทุกอย่าง ไม้ฟืนหากนำมาก่อไฟหุงต้มแล้วหากฟืนท่อนนั้นยังเหลือ หลวงปู่ท่านจะเอาน้ำมาดับไฟให้มอดสนิท และองค์ท่านจะจัดเก็บฟืนท่อนนั้นไว้ใช้หุงต้มในครั้งต่อๆไป ท่านจะไม่ทิ้งฟืนให้ไหม้ไฟไปโดยเสียประโยชน์..

หลวงปู่ชอบท่านจะไม่ให้พระเณรเถรชีในวัดก่อไฟผิงแก้หนาว ท่านจะให้ลูกศิษย์แก้หนาวโดยการเดินจงกรมให้มากๆเพื่อปลุกเร้าธาตุไฟอบอุ่นร่างกาย เว้นไว้แต่พระเณรเถรชีรูปนั้นๆมีอาพาธรบกวนธาตุขันธ์ท่านจึงจะอนุญาตให้ก่อไฟผิง องค์ท่านเทศน์สอนลูกศิษย์ว่า ถ้ามัวแต่พากันมานั่งสุมหัวผิงไฟ มันก็จะสุมหัวคุยกันตามประสากิเลสกิโลมันจะพาคุย เรื่องที่คุยกันก็มีแต่เรื่องกิเลสตัณหาลามก คุยกันแล้วก็ไม่พากันทำความเพียรเดินจงกรมภาวนา พอดึกค่อนคืนก็ง่วงเหงาหาวนอน ต่างคนต่างคลานเข้ามุ้งไปนอนกอดอีสาดอีหมอนทิ้งวันทิ้งคืนไปเฉยๆ..

เอะอะขึ้นมาพออากาศหนาวนิดๆหน่อยๆมันก็จะพากันเตรียมก่อไฟผิงอย่างเดียว มัวแต่ห่วงร้อนห่วงหนาวอยู่อย่างนี้เวลาไปอยู่ในป่าในเขาเจออากาศที่มันเย็นหนาวมหาโหดแล้ว มันจะไม่พากันแข็งกระด้างค้างตายกันหรือ ต้องฝึกฝนตนเองให้อยู่ได้กับทุกสภาพอากาศซิ ฝึกตนเองให้อยู่กับร้อนให้เป็นอยู่กับเย็นให้ได้ ถ้าอยากอยู่สบายจริงต้องอยู่กับทุกข์ให้เป็น เอาทุกข์เวทนานั้นแหละมาฝึกฝนจิตใจของตนเองให้เข้มแข็ง..

ถ้าหนาวมากก็อย่านอนขดอี้จู้เป็นครูหมอนกิ่ว ถ้านั่งภาวนาอาการเหน็บชามันก็จะเกิดเร็ว เวทนามันก็จะโหมใจอย่างหนัก ให้เดินจงกรมเอา เดินให้มากๆ เดินให้นานๆ เดินเพื่อปลุกเร้าธาตุไฟให้มาช่วยสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกาย หัดมีปัญญาตั้งแต่หนุ่มแต่น้อยสิ เฒ่าชะแลแก่ชราแล้วมันจะได้ไม่โง่เง่าเต่าตุ่น จะได้เอาสติปัญญาที่ตนฝึกฝนอบรมมาไปบอกสอนคนรุ่นหลังเพื่อสืบทอดปัญญาต่อๆไป..

ฟังท่านอาจารย์จันทร์เรียนเล่าถ่ายทอดคำสอนขององค์ท่านหลวงปู่ชอบแล้ว อาจารย์จันทร์เรียนท่านก็หัวเราะอย่างใหญ่ ท่านปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนลั่นถ้ำสหาย เวลาท่านอาจารย์จันทร์เรียนเล่าเรื่ององค์ท่านหลวงปู่ชอบแล้ว ดูสีหน้าแววตาท่านฮึกเหิมห้าวหาญดี ฟังท่านเล่าแล้วเราพลอยสนุกสนานไปกับท่าน ถึงแม้จะต่างยุคสมัยกันก็ตาม..

พระเณรเถรชีที่อยู่ปฏิบัติกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบสมัยก่อน แต่ละท่านจึงมีความอดทนต่อดินฟ้าอากาศและความหิวโหยมากเป็นพิเศษ เรื่องใดที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบสั่งห้ามแล้ว พระเณรเถรชีจะต้องถือปฏิบัติกันให้ได้ หากผู้ใดปฏิบัติตามคำสั่งสอนขององค์ท่านไม่ได้แล้ว จะอยู่ปฏิบัติร่วมสำนักกับท่านไม่ได้ พระเณรสมัยนั้นจึงไม่มีใครกล้าดื้อด้านฝืนคำขององค์ท่าน..

อาจารย์จันทร์เรียนท่านว่าปีนั้นอากาศมันหนาวมาก แม่ชีที่วัดจึงพากันแอบเอาฟืนที่หลวงปู่ชอบและพระเณรหามาไปก่อไฟผิง แม่ชีพากันนั่งผิงไฟคุยกันจนดึกดื่นค่อนคืนจึงแยกย้ายกันกลับที่พัก โดยทิ้งท่อนฟืนไหม้ไฟไว้เป็นอนุสรณ์ การพูดคุยสนทนากันของแม่ชีกลุ่มนี้ในคืนนั้น ท่านอาจารย์จันทร์เรียนว่าคงจะมีเรื่องอะไรที่ไปกระทบกับ ” ความรู้ ” ขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ..

พอรุ่งเช้าก่อนที่องค์ท่านจะออกไปบิณฑบาต หลวงปู่ชอบท่านพาพระอาจารย์จันทร์เรียนเดินไปดูที่โรงครัววัดป่าสัมมานุสรณ์ หลวงปู่ชอบพาพระอาจารย์จันทร์เรียนเดินตรงดิ่งมาที่กองไฟข้างโรงครัว หลวงปู่ท่านเห็นท่อนฟืนไหม้ไฟทิ้งไว้อย่างเสียประโยชน์ องค์ท่านถึงกับพูดขึ้นมาว่า..

“ ปาดโธ้ พวกนกกระยางขาวหมู่นี้มันคือพากันมักง่ายใช้ของบ่เป็นแท้ มันบ่คิดเห็นอกเห็นใจพ่อแก่มันบ่ มันบ่คิดเห็นอกเห็นใจพระเณรเถรเฒ่าบ้างหรือ มันบ่ฮู้หรือว่าพ่อแก่ของมันกับพระเณรพากันไปลากฟืนจากป่ามาเมื่อยขนาดไหน มันพากันเอาฟืนมาสุมไฟคุยกันเล่นจนดึกดื่นทิ้งให้ไหม้ไปโดยไม่เกิดประโยชน์อะไร ”..

พอว่าจบหลวงปู่ชอบท่านเดินเข้าไปดุแม่ชีที่โรงครัว เล่นเอาแม่ชีโขลกพริกไม่แหลก สับมะละกอไม่เป็นเส้นมือสั่นใจสั่นกันทั้งโรงครัว องค์ท่านดุให้แม่ชีอย่างหนัก และไล่แม่ชีหนีให้ไปอยู่ที่วัดอื่น เล่นเอาแม่ชีกลุ่มนี้คอพับน้ำตาร่วงต่อหน้าองค์ท่าน หลังจากหลวงปู่ท่านดุแม่ชีแล้วองค์ท่านก็ออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้านโคกมน..

หลังฉันอาหารเสร็จแล้วหลวงปู่ท่านบอกพระอาจารย์จันทร์เรียนและพระเณรว่าให้ท่านเรียนกับพระเณรทั้งหมดเอาบริขารไปเก็บไว้ที่กุฏิแล้วพากันออกมารวมตัวกันที่ศาลา เรามอบหมายให้ท่านจันทร์เรียนเป็นหัวหน้าพาพระเณรไปรื้อกุฏิแม่ชีออกจากวัดให้หมดทุกหลัง อย่าให้หลงเหลือแม้แต่หลังเดียว พวกนกกะยางขาวหมู่นี้เราจะไม่ให้อยู่ที่นี่อีกต่อไป พวกว่ายากสอนยากแบบนี้เราจะไม่เอาไว้ให้หนักวัดหนักวา..

คำสั่งองค์ท่านดูดุดันเด็ดขาด เล่นเอาพระเณรในวัดงงไปตามกัน แต่ไหนแต่ไรก็เห็นแต่องค์ท่านไล่พระเณรเถรชีที่ว่ายากสอนยากให้ออกไปจากสำนักเท่านั้น แต่ครั้งนี้หลวงปู่ท่านถึงกับสั่งให้รื้อถอนกุฏิแม่ชีออกไปจากวัดทั้งหมด พระเณรได้แต่สงสัยไม่มีใครกล้าที่จะถามถึงเหตุผลจากองค์ท่าน..

เมื่อพระเณรเอาบริขารของตนเองไปเก็บยังที่พักแล้ว ต่างองค์ต่างหยิบเอาเครื่องมือในการรื้อถอนมารวมตัวกันที่ศาลา พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านบอกกับหมู่เพื่อนว่า พวกท่านไม่ต้องทำหรอก พากันกลับไปกุฏิเดินจงกรมภาวนาซ่ะ เรื่องนี้ผมจะเป็นคนทำเองเพียงผู้เดียวเอง หมู่เพื่อนถามท่านว่าครูบาจะทำองค์เดียวได้หรือกุฏิแม่ชีมีตั้งหลายหลัง กว่าจะรื้อถอนได้ทั้งหมดก็กินเวลาไปหลายวันถึงจะเสร็จ พระอาจารย์จันทร์เรียนบอกหมู่คณะว่าไม่เป็นไรหรอกผมทำองค์เดียววันเดียวก็เสร็จ ท่านบอกหมู่เพื่อนให้กลับไปกุฏิเดินจงกรมภาวนาเถอะเรื่องนี้ท่านจะเป็นธุระจัดการเอง หมู่เพื่อนจึงพากันแยกย้ายกลับไปยังที่พักของตน..

พอคล้อยหลังที่หมู่เพื่อนกลับไปแล้ว พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านก็เดินไปยังที่พักขององค์ท่านหลวงปู่ชอบที่ริมฝากฝั่งแม่น้ำสวย ท่านอาจารย์จันทร์เรียนเข้าไปกราบเรียนองค์ท่านหลวงปู่ชอบว่า..
ขอโอกาสขอรับพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ข้าน้อยมีเรื่องอยากกราบเรียนครูบาอาจารย์ซักเล็กน้อย ข้าน้อยคิดว่าการรื้อถอนกุฏิแม่ชีออกไปทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องไม่ยากหรอก ใช้เวลาวันเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการตัดปัญหาทั้งหมด ข้าน้อยว่าไม่ต้องรื้อมันหรอกกุฏิแม่ชี เอาไฟเผามันทิ้งทุกหลังไปเลยขอรับ เอาไฟเผาทิ้งทั้งหมดไม่ต้องให้มันเหลือซากเหลือตอพอที่จะเอากลับมาสร้างใหม่ได้อีก..
สิ้นคำพูดของท่านอาจารย์จันทร์เรียน องค์ท่านหลวงปู่ชอบถึงกับอุทานขึ้นมาว่า

 “ บ๊ะ..ท่านเรียนนี่ ท่านจะเอาไฟไปเผากุฏิทิ้งแบบนี้ได้ยังไง นี่มันเป็นของสงฆ์นะ ถ้าท่านทำแบบนั้นมันจะเป็นการกระทำผิดต่อพระธรรมวินัยนะ ท่านเรียนนี่เว้าไปทั่วทีปทั่วแดน(ท่านเรียนนี่ก็พูดไปเรื่อยเปื่อย) เราบอกให้ท่านไปรื้อบ้านแม่ขาว เราไม่ได้บอกให้ท่านไปเผาบ้านแม่ขาวซ่ะหน่อย ท่านไม่เข้าใจในคำพูดของเราหรือ ”..

อาจารย์จันทร์เรียนท่านก็ว่า 

“ อ้าว..ในเมื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ไม่ต้องการให้แม่ขาวอยู่ที่นี่แล้วก็เผามันทิ้งเลยสิ รื้อออกไปมันก็ยังเหลือไม้เก่าอยู่เหมือนเดิม เวลาที่พ่อแม่ครูอาจารย์ไม่อยู่วัดไปเที่ยววิเวกที่อื่น พวกนี้เขาก็จะแอบเอาไม้เก่ามาสร้างกุฏิขึ้นมาใหม่อีก มันก็จะวนเวียนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนี้อีกเหมือนเดิม ผมว่าไม่ต้องรื้อมันหรอก เผามันทิ้งทั้งหมดโลดเพื่อตัดปัญหาที่เขาจะเอาไม้เก่ากลับมาสร้างกุฏิใหม่อีก ”..

หลวงปู่ชอบท่านว่า “ อ้าว..ถ้าหากวันข้างหน้ามีผู้มาขออาศัยใบบุญของวัดนี้ล่ะ เราจะไปหาไม้ที่ไหนมาสร้างกุฏิให้เขาอยู่ล่ะ ท่านเรียนนี่ก็ว่าไปเรื่อย เอะอะมะเทิ่งมาก็จะเผาทิ้งๆอย่างเดียว อย่างนี้มันไม่ถูกธรรมวินัยนะ ”..

ท่านอาจารย์จันทร์เรียน “ ถ้าท่านอาจารย์ยังจะให้โอกาสคนอื่นเข้ามาพักอยู่ที่วัดนี้อีก ข้าน้อยว่าบ่ต้องรื้อถอนมันออกไปหรอก มันเหนื่อยเสียเปล่า รื้อออกแล้วยังจะเอากลับมาสร้างใหม่อีกแบบนี้หมู่คณะเขาก็จะเหนื่อยเสียเปล่าๆ ”..

องค์ท่านหลวงปู่ชอบนิ่งฟังเหตุผลของท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน ท่านอาจารย์จันทร์เรียนว่าสักพักหลวงปู่ชอบท่านก็ยิ้มขึ้นมา หลวงปู่ท่านบอกพระอาจารย์จันทร์เรียนว่า ถ้าอย่างนั้นท่านเรียนกลับไปบอกหมู่คณะว่าไม่ต้องรื้อถอนกุฏิแม่ขาวแล้ว ให้พากันกลับไปเดินจงกรมภาวนาทำความพรากความเพียรของใครของมัน..

ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนบอกเรื่องนี้พ่อแม่ครูบาอาจารย์ไม่ต้องบอกหมู่คณะให้ยากหรอกขอรับ ข้าน้อยบอกหมู่คณะแล้ว ข้าน้อยบอกหมู่เพื่อนก่อนที่จะเข้ามากราบเรียนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์ท่านหลวงปู่ชอบก็ยิ้มไม่ว่าอะไรให้ท่านอาจารย์จันทร์เรียน หลวงปู่ท่านได้แต่หัวเราะหึๆในลำคอ ท่านอาจารย์จันทร์เรียนจึงกราบลาองค์ท่านหลวงปู่ชอบกลับไปทำความเพียรของตนเอง..
ท่านอาจารย์จันทร์เรียนว่า ต่อมาแม่ชีกลุ่มนี้ได้พากันเข้าไปกราบขอขมาต่อองค์ท่านหลวงปู่ชอบในเรื่องที่พวกตนได้ล่วงละเมิดคำสั่งขององค์ท่านเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง หลวงปู่ท่านภาคทัณฑ์เรื่องนี้เอาไว้ และอนุญาตให้แม่ชีอยู่ปฏิบัติกับท่านที่วัดต่อไป..

พระอาจารย์จันทร์เรียนปฏิภาณไหวพริบของท่านรวดเร็ว หากเป็นผู้เขียนแล้วถ้าหลวงปู่ชอบท่านสั่งให้ไปรื้อกุฏิเช่นนี้ เราก็ต้องไปรื้อถอนตามคำสั่งขององค์ท่านแล้ว เพราะเราเป็นพระซื่อ(บื้อ)พลิกไหวสถานการณ์ไม่เป็นอย่างท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน..

พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็นพระที่มีปัญญาหลักแหลมเฉียบไว ซึ่งเป็นบุคลิกลักษณะส่วนตัวของท่านโดยเฉพาะ หลวงพ่อประสิทธิ์วัดป่าหมู่ใหม่ท่านสรรเสริญพระอาจารย์จันทร์เรียนให้ผู้เขียนฟังว่า..

“ อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็นคนฉลาดหลักแหลม ท่านเป็นชายอาชาไนยที่เข้มแข็ง อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็นคนใจร้อนใจเร็วเหมือนกับหลวงปู่ชอบ 

ท่านจึงเที่ยววิเวกกับหลวงปู่ชอบไปได้ทุกที่ ถ้าท่านเป็นคนไม่อดทนแล้วจะอยู่กับหลวงปู่ชอบไม่ได้เด็ดขาด อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็นพระใจเด็ดหลวงปู่ชอบท่านจึงเจียรนัยเพชรเม็ดนี้ไว้ในพระศาสนา หลวงปู่ชอบท่านวางอาจารย์จันทร์เรียนไว้ให้เป็นทายาทผู้สืบศาสนาอีกองค์หนึ่งของท่าน ลูกศิษย์หลวงปู่ชอบก็มีท่านเรียนนี้แหละที่ถอดพิมพ์ธรรมะฤทธิ์จากหลวงปู่ชอบได้มากทีสุด จริตภายในคือกันคักแท้กับหลวงปู่ชอบ ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น