วันอังคารที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2560

หลวงปู่มั่นบรรลุธรรม



หลวงปู่มั่น  ภูริทัตโต 
 วัดป่าสุทธาวาส ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร

หลวงปู่ชอบ(ฐานสโม)ท่านพักภาวนาอยู่กับองค์ท่านหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ ถ้ำดอกคำ บ้านสหกรณ์ ตำบลน้ำแพร่ อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่..

คืนนั้นเวลาประมาณตีสามกว่า หลวงปู่ชอบท่านนั่งภาวนาอยู่ที่พักของท่าน จิตท่านในเวลานั้นสว่างไสวใสงามมาก แต่แล้วจู่ๆความสว่างไสวของจิตเกิดดับวูบลงไปอย่างกะทันหัน พร้อมกับมีเสียงกึกก้องกัมปนาทสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วขุนเขา..

ท่านเปรียบเทียบว่าเสียงนี้ไม่ต่างอะไรกับระเบิดปรมาณูมาระเบิดอยู่ข้างๆตัวเรา จนท่านเกิดอาการสั่นไหวในจิตคล้ายกับผืนแผ่นพสุธาจะแตกสลายกลายเป็นจุลอาการเหล่านี้เกิดขึ้นภายในจิตของท่านเท่านั้น

แต่สิ่งต่างๆที่อยู่ภายนอกก็เป็นปรกติทุกอย่าง ตั้งแต่ท่านภาวนามาก็ไม่เคยประสบพบเจอกับอาการแบบนี้ของจิต ท่านจึงพิจารณาดูภายในว่าเกิดอะไรขึ้นกับจิตของตน พิจารณาดูจิตก็ไม่เห็นผิดปรกติตรงไหน..

ท่านจึงพิจารณาดูภายนอกว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พอดึงจิตออกมาดูข้างนอก จิตท่านก็พุ่งตรงไปที่องค์ท่านหลวงปู่มั่นทันที ท่านเห็นเทวดาพากันมาห้อมล้อมองค์ท่านหลวงปู่มั่นจำนวนมากเทวดาพากันมาจากทุกสวรรค์ชั้นภูมิ

จนเต็มพื้นดินแผ่นฟ้านภากาศ ครั้งนั้นท่านว่าเทวดามาหาองค์ท่านหลวงปู่มั่นมากถึงสิบโกฏิ(หนึ่งโกฏิเท่ากับสิบล้าน) รัศมีบารมีเทวดาเปล่งประกายเจิดจ้าจนทำให้ทั่วบริเวณถ้ำดอกคำสว่างไสวด้วยรัศมีของเทพเจ้าเหล่าเทวดา..

แต่รัศมีของเทวดาทั้งหลายยังไม่เท่ากับรัศมีธรรมขององค์ท่านหลวงปู่มั่น รัศมีธรรมขององค์ท่านสว่างไสวกว่ารัศมีเทวดามากมายจนเกินประมาณ หลังจากชื่นชมรัศมีบารมีธรรมขององค์ท่านหลวงปู่มั่นแล้วท่านก็ถอนจิตออกมา ท่านรำพึงในใจว่า

“ เหตุการณ์นี้ต้องสำคัญกับท่านอาจารย์ใหญ่อย่างแน่นอน ”..



ข้ามอีกวัน เวลาประมาณสี่โมงเย็น หลวงปู่ชอบท่านเข้าไปเตรียมน้ำสำหรับสรงองค์ท่านหลวงปู่มั่น ขณะที่ท่านผลัดผ้าให้กับองค์ท่านหลวงปู่มั่นนั้น หลวงปู่มั่นถามท่านว่า ท่านชอบตอนนี้การภาวนาของท่านเป็นอย่างไรบ้าง..
ท่านกราบเรียนองค์ท่านหลวงปู่มั่นว่า การภาวนาของข้าน้อยตอนนี้เป็นปรกติดีขอรับ เพียงแต่เมื่อคืนวานมีเหตุการณ์หนึ่งทำให้จิตของข้าน้อยดับวูบลงไป มีเสียงดังกัมปนาทเหมือนระเบิดขนาดใหญ่มาแตกอยู่ข้างๆ ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ข้าน้อยก็ไม่เคยเป็นมาก่อนในขณะกำลังภาวนา..

องค์ท่านหลวงปู่มั่นถามว่า เรื่องนี้ท่านพิจารณาเห็นเป็นเช่นไร..

ท่านตอบว่า ข้าน้อยพิจารณาดูภายในจิตก็ไม่เห็นอะไรผิดปรกติ พอถอนจิตออกมาดูภายนอก เห็นพ่อแม่ครูอาจารย์มีรัศมีสว่างไสวสดใสงดงามมาก รัศมีของพ่อแม่ครูอาจารย์สว่างไสวกว่าทุกครั้งที่ข้าน้อยเคยเห็นมา

มีเทวดาจากทุกชั้นภูมิพากันมาหาพ่อแม่ครูอาจารย์มากที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยพบเห็น แต่ข้าน้อยไม่ทราบว่าที่เทพเจ้าเหล่าเทวดาพากันมาหาพ่อแม่ครูอาจารย์จำนวนมากถึงขนาดนี้เพราะเหตุจากอะไร..

องค์ท่านหลวงปู่มั่นพูดขึ้นมาว่า ที่ท่านชอบเห็นเทวดามาหาเราจำนวนมากนั้น พวกเทพเทวดาเขาพากันมาร่วมอนุโมทนาที่เรา “ บรรลุธรรมธาตุ ” พ้นทุกข์แล้ว จากนี้ต่อไปการเกิดของเราจะไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างของเรามันขาดสะบั้นลงไปหมดแล้ว พระอรหันต์ท่านสิ้นกิเลสเช่นไร เราก็สิ้นกิเลสแล้วเช่นนั้น..

เสียงดังเหมือนเสียงระเบิดที่ท่านได้ยินนั้น เป็นเสียงอนุโมทนาของเทพเจ้าเหล่าเทวดา เสียงอนุโมทนาของเทวดาเป็นเสียงเทวะฤทธิ์ไปกระทบกับจิตของท่านในขณะนั้นพอดี จึงเป็นเหตุทำให้จิตของท่านสะเทือนจนถอนออกจากสมาธิอย่างกะทันหัน..

สิ้นคำพูดที่องค์ท่านหลวงปู่มั่น หลวงปู่ชอบท่านบอก

“ เราถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เราเองก็ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเรื่องราวแบบนี้ คำว่า “

ธรรมธาตุ ” ตั้งแต่เราเกิดมาพึ่งจะได้ยินคำนี้ในวันนั้นเอง จนเราเกิดปีติอย่างแรงกล้าน้ำตาไหลพรากออกมาอย่างไม่รู้ตัว”..

ท่านว่า ตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยคำใดออกมาเพื่อให้สมกับฐานะธรรมของพ่อแม่ครูจารย์มั่น เรากราบลงแทบเท้าพ่อแม่ครูจารย์มั่นโดยห้ามการกระทำของตนเองไว้ไม่อยู่ ก้มมองดูเท้าของพ่อแม่ครูจารย์มั่นแล้วร้องไห้ออกมาเพราะตื้นตันใจที่องค์ท่าน

“ บรรลุธรรมธาตุ ” เป็น “ พระอรหันต์ ” อย่างสมภูมิ..

หลวงปู่ชอบ “ เราร้องไห้แบบไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกของตนเองได้อย่างไรในตอนนั้น มันเป็นนามธรรมเกินที่จะอธิบายให้ทราบได้ ถึงตอนนั้นพ่อแม่ครูจารย์มั่นจะดุด่าอย่างไรเราก็ยอม แต่ท่านก็ไม่ว่าอะไรให้เรา

ท่านปล่อยให้เราแสดงความรู้สึกออกมา พอความรู้สึกผ่อนลงแล้วพ่อแม่ครูจารย์จึงว่าให้เรา ฮ่วย..มันเป็นถึงขนาดนี้หรือท่านชอบ ปีตีกระแทกจิตแรงจนบ่อน้ำตาแตกเลยหรือท่าน ”..

ท่านกราบเรียนองค์ท่านหลวงปู่มั่นว่า ข้าน้อยตื้นตันใจที่รู้ว่าพ่อแม่ครูอาจารย์จบกิจในพระพุทธศาสนาพ้นทุกข์แล้ว เหลือแต่ข้าน้อยเท่านั้นที่ยังต้องปฏิบัติกิจในพระศาสนาอีกต่อไป ชาตินี้ข้าน้อยขอปรารถนารู้เห็นธรรมเหมือนกับพ่อแม่ครูบาอาจารย์..

องค์หลวงปู่มั่นบอกกับท่านว่า ถ้าท่านอยากสำเร็จมรรคผลนิพพานในชาตินี้ ท่านอย่าละความเพียรที่เคยบำเพ็ญมา ท่านอย่าท้อถอยเป็นอันขาด ให้ปฏิบัติตามที่เราอบรมสั่งสอนมา ถ้าท่านทำตามนี้แล้วเรารับรองให้เลยว่า ชาตินี้ท่านจะได้มรรคผลนิพพานสมใจอย่างแน่นอน.

จากนั้นหลวงปู่มั่น ท่านได้ธุดงค์ไปที่ดอยนะโม และได้พูดกับลูกศิษย์ท่านหนึ่ง คือหลวงปู่ขาว อนาลโย ว่า "ผมหมดงานที่จะทำแล้ว ก็อยู่ช่วยสานกระบุงตะกล้าพอช่วยเหลือพวกท่าน และลูกศิษย์ลูกหาได้บ้างเท่านั้น"

หลวงปู่มั่น ท่านออกวิเวกบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่เชียงใหม่นานถึง ๑๑ ปี ตั้งแต่ปีพ.ศ.๒๔๗๒-๒๔๘๒ ก่อนที่จะกลับไปทางอีสาน หลวงปู่มั่น ท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์ประเภท ปฏิสัมภิทานุศาสน์ ๔ อย่างคือ 
๑.อัตตปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในอรรถ 
๒.ธัมมปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในธรรม 
๓.นิรุตติปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในภาษา 
๔.ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือ แตกฉานในปฏิภาณ


และที่ "ถ้ำดอกคำ" แห่งนี้ยังมีตำนานพระพุทธเจ้าเลียบโลก พระพุทธองค์ทรงเสด็จมาถึงถ้ำนี้ เพื่อโปรดยักษ์ สองผัวเมีย ผู้เป็นมิชฉาทิฏฐิ โดยยักษ์ฝ่ายผัว ตั้งใจจะจับพระพุทธเจ้าไปเป็นอาหาร แต่พระองค์ทรงปราบด้วยอิทธิปาฏิหาริย์ ยักษ์สองผัวเมียสำนึกบาป จึงแต่งขันธ์ มีดอกบัวคำอยู่ในพานมากล่าวขอขมาพระพุทธเจ้าที่ถ้ำนี้ ถ้ำนี้จึงชื่อ “ถ้ำดอกคำ” แต่นั้นมา


ผู้บันทึก : คูบากล้วย...วีระศักดิ์ โพธิสัตย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น